นักวิเคราะห์มองการเมืองไทยยังไม่แน่นอน
หาก “ก้าวไกล” จัดตั้งรัฐบาลได้ คาดมีอายุไม่ยาว
หั่นเป้าดัชนีสิ้นปี 66 เหลือเพียง 1,560 จุด

.
บล.ธนชาต ประเมิน กรณีพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งเหนือความคาดหมาย ทำให้เกิดความไม่แน่นอน 3 ประการที่ส่งผลลบต่อตลาด ทั้งความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล แต่หากจัดตั้งได้คาดจะมีอายุไม่ยาว รวมทั้งยังมองอีกว่า แม้รัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย จะสามารถจัดตั้งขึ้นได้ คาดว่าน่าจะทำงานร่วมกันได้ไม่นาน
.
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งเหนือความคาดหมาย ด้วยได้ที่นั่งอย่างไม่เป็นทางการ 152 ที่นั่ง เทียบกับพรรคเพื่อไทยที่ได้ 141 ที่นั่ง ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าทำให้เกิดความไม่แน่นอน 3 ประการที่ส่งผลลบต่อตลาด
.
ประการแรก ยังมีความไม่แน่นอนว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลซึ่งมีที่นั่ง 313 ที่นั่งในปัจจุบันจะได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงตามที่กำหนดที่ 376 เสียงหรือไม่
.
ประการที่สอง ในกรณีที่พรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลสำเร็จ มองว่ามีโอกาสสูงที่รัฐบาลนี้จะมีอายุไม่ยาว ซึ่งตลาดไม่ชอบรัฐบาลที่ไม่มั่นคง
.
ประการที่สาม คาดว่าตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการปฏิรูปกองทัพ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และนโยบายเศรษฐกิจแบบรัฐสวัสดิการ ซึ่งอาจมีการขัดกับระบบทุนนิยม และเชื่อว่าตลาดมีความกังวลจากการที่พรรคก้าวไกลยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาลด้วย
.
อย่างไรก็ตามนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลเน้นไปที่โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมีเบี้ยเลี้ยงมากมายตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งจะต้องการเงินงบประมาณสูงมาก งบประมาณบางส่วนจะมาจากการลดงบการทหารและด้านอื่นๆ ของรัฐ การขึ้นภาษีสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงสูตรในสัมปทานและโครงการต่างๆ ของรัฐ
.
ทั้งนี้มองว่าบางนโยบายเหล่านี้มีทิศทางที่ไม่เอื้อต่อระบบทุนนิยม ในขณะที่แนวคิดการบริหารเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมามักจะสนับสนุนระบบทุนนิยม ดังนั้นแม้รัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย จะสามารถจัดตั้งขึ้นได้ คาดว่าน่าจะทำงานร่วมกันได้ไม่นาน
.
สำหรับปัจจุบันยังไม่มีความแน่ชัดว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหรือไม่ ซึ่งความไม่แน่นอนมาจากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีเสียงจากสภาล่างและสภาสูงรวมกันเกินกึ่งหนึ่งหรือคือ 376 เสียง จาก 750 เสียง
.
หากก้าวไกลไม่สามารถได้รับคะแนนเสียงเพียงพอจากวุฒิสภา หรือหากเพื่อไทยถอนตัวจากข้อตกลง เพื่อไทยในฐานะพรรคใหญ่ที่ได้คะแนนเสียงมากเป็นอันดับสองสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าว พรรคเพื่อไทยอาจตัดสินใจจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลรักษาการปัจจุบันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมองว่ากรณีนี้ รัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อตลาด
.
ดังนั้นปรับลดดัชนีเป้าหมาย SET สิ้นปีเป็น 1,560 จุด (จาก 1,750) เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดกำไรของฝ่ายวิจัยตั้งแต่เดือนมีนาคม 66 และความเสี่ยงทางการเมืองที่มากขึ้นที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนข้างต้น โดยเฉพาะในระยะใกล้ที่ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้เป็นรัฐบาลใหม่ แต่ถ้าหากความเสี่ยงทางการเมืองหายไป ดัชนีเป้าหมาย SET จะอยู่ที่ 1,650 จุด สำหรับการลงทุนระยะยาว จึงคงหุ้นในพอร์ตลงทุนเช่นเดิม