
มาเก็บตกมุมมองทิศทางฟันด์โฟลว์ กับโอกาสที่จะไหลกลับเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่อีกครั้ง แม้จะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยเฟดขาขึ้น
เพราะตลาดรับรู้ล่วงหน้าก่อนเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้มาพอสมควร ผลประชุม FOMC รอบล่าสุดจึงไม่ได้สร้างความผันผวนต่อบรรยากาศการลงทุนมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ และอีกอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้งในช่วงสองปีข้างหน้า ทำให้นักลงทุนรวมทั้งผู้ถือหน่วยกองทุนของไทย อาจยังสงสัยว่าแล้วเรื่องดอกเบี้ยต่างประเทศนี้จะมีอิทธิพลต่อแนวโน้มกระแสเงินทุนที่จะเข้ามาหรือออกจากไทยอย่างไร ผ่านภาพรวมเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้าออกตลาดเกิดใหม่
“วิน พรหมแพทย์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล มองว่าหลังจากการขึ้นดอกเบี้ยเฟดน่าจะเห็นทิศทางของฟันด์โฟลว์ไหลกลับเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย เพราะปัจจุบันมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ตอบรับนโยบายของ "โดนัลด์ ทรัมป์" หนุนราคาหุ้นขึ้นไปอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพงแล้ว ดังนั้น เมื่อหมดความกังวลเรื่องเฟดก็เชื่อว่าฟันด์โฟลว์เหล่านี้ จะเริ่มมองหาโอกาสที่ทำผลตอบแทนได้สูงกว่า
เช่นเดียวกับมุมมองของ บลจ.กสิกรไทย ที่เชื่อว่าหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ จะกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลัก คือ แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของ ที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่าตลาดประเทศพัฒนาแล้วในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยถ้าอ้างอิงข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF คาดว่าในปี 2560 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะเติบโต 4.0% โดยสัดส่วนของการเติบโตหลัก จะมาจากภูมิภาคเอเชีย ขณะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว น่าจะเติบโตเพียง 1.9%
กองทุนค่ายกสิกรไทยยังเผยมุมมองต่อตลาดหุ้นว่า ราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่ในปัจจุบัน ยังซื้อขายอยู่ในระดับราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสลงทุนสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง และสามารถลงทุนได้ในระยะยาว เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี
ส่วนแบงก์กรุงศรี วิเคราะห์ว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดครั้งนี้สะท้อนว่า เฟดกำลังเดินหน้าให้นโยบายการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติรวดเร็วมากขึ้น เมื่อเทียบกับการขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเฟดขึ้นดอกเบี้ยเพียงปีละ 0.25% เท่านั้น โดยประเมินว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนมิถุนายน และธันวาคม
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของกระแสเงินทุนที่คาดว่าจะไหลกลับเข้าสู่กลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย อาจไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่นักลงทุนพร้อมปรับสถานะการลงทุนทันที เพื่อรองรับปัจจัยเสี่ยง เช่น เมื่อเห็นสัญญาณความไม่แน่นอนของจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดๆ ไป
มีการประเมินด้วยว่า ในช่วงถัดจากนี้หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง เฟดก็น่าจะพยายามทดสอบตลาดเป็นระยะๆ ว่าจะสามารถรับมือกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นได้หรือไม่ ด้วยการสื่อสารออกมาสู่ตลาดถึงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อลดความตื่นตระหนกของนักลงทุน
**********************************
ที่มา : Business & Finance , Money Channel