BROOK ที่ปรึกษาการเงินในโมเดลธุรกิจเงินสด กับ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในรายการ Business Model สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกันจากการฟังรายการย้อนหลัง
ลักษณะธุรกิจ
ให้บริการด้านข้อมูลหรือคำปรึกษาด้านธุรกิจและการเงิน การลงทุน รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาอิสระให้แก่องค์กรชั้นนำของภาครัฐบาลและภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- การวิเคราะห์ BROOK ต้องเข้าใจถึงโครงสร้างรายได้เป็นสำคัญ อย่าง Brook มีรายได้เป็นเงินค่าที่ปรึกษา และเงินที่มาจากการลงทุน เช่น ปันผล ส่วนต่างราคาหุ้น
- รายได้จากค่าที่ปรึกษาบางดีลจะเป็นลักษณะไม่แน่นอน บางดีลก็มีกำหนดรายได้แน่นอน บางดีลก็เป็นลักษณะ Profit sharing จึงไม่แปลกใจที่รายได้ส่วนนี้ขอบข่ายกว้างมากประมาณ 200-1000 ล้าน
- สัดส่วนรายได้จากค่าที่ปรึกษาคิดเป็น 63% รายได้ที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ขายหลักทรัพย์ประมาณ 19% เกิดจากการขายจริง 5% รายได้จากปันผล 3%
- นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้น Brook จำเป็นจะต้องรู้ว่าสินทรัพย์ของบริษัทมีอะไรบ้าง
- ผู้บริหารมีส่วนสำคัญจำเป็นจะต้องมีประสบการณ์สูงมาก ไม่ใช่ใครจะมาทำกันได้ง่ายๆ
- Market Cap. ประมาณ 4.3 พันล้าน น่าจะเป็นใหญ่สุดของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน
- คู่แข่งของบริษัทมีอยู่ทั่วไป บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ Brook มีผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงมาก เป็นผู้เชี่ยวชาญ
- บริษัทมีเงินลงทุนชั่วคราว 1.4 พันล้าน แบ่งเป็นเงินลงทุนในหุ้น 688 ล้าน ถ้าหุ้นขึ้น โอกาสที่บริษัทจะขายและทำเป็นกำไรออกมาได้
- เงินลงทุนทั่วไป 380 ล้าน เป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์นอกตลาด ที่น่าสนใจ คือ หุ้นบางตัวเป็น IPO ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
- นักลงทุนต้องกลับมามองว่าปีที่ไม่ดีของ BROOK รายได้เป็นเท่าไร และราคาอยู่ประมาณไหน และปีที่ดีของ BROOK รายได้อยู่ที่เท่าไร ตรงนั้นจะเป็นกรอบให้เราสามารถเปรียบเทียบได้
- สินทรัพย์นำไปสู่การบันทึกรายได้จากการลงทุน มีมากน้อยแค่ไหน คิดเป็นมาร์จิ้นเท่าไร นักลงทุนต้องกลับไปติดตาม
- แต่ยังไงก็ตาม เราก็ต้องยอมรับว่าธรรมชาติของธุรกิจนี้ ผันผวนจริงๆ การคาดการณ์กำไรก็เป็นเรื่องยาก
- ส่วนของผู้ถือหุ้น กำไรสะสมมี 1.3 พันล้านคิดเป็น 56% ของส่วนผู้ถือหุ้น อัตราหนี้สิน 0.03 ต่ำมาก นั้นหมายความว่าบริษัทไม่ได้กู้เงินเลย แต่มันก็เป็นธรรมชาติของธุรกิจนี้ไม่จำเป็นต้องกู้เงิน
- กำไรสะสมที่มาก บอกว่าผู้บริหารมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน เท่าที่ผ่านมาผู้บริหารเก่งมากๆ นำเงินไปต่อเงินได้
- P/BV อยู่ที่ 1.8 เท่า แสดงว่านักลงทุนให้คุณค่ากับบริษัท ให้คุณค่ากับผู้บริหารอยู่พอสมควร
- การจ่ายเงินปันผล สูงมากที่ 9% แต่เนื่องจากรายได้และกำไรคาดเดายาก ปันผลอาจจะไม่แน่นอน
- นักลงทุนที่อยากลงทุนหุ้นประเภทนี้ ต้องเป็นคนที่ไว้วางใจในตัวคุณชาญจริงๆ
ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- ต้องยอมรับว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่เฉพาะทางมากๆ นั้นหมายถึงผู้บริหารคือคุณชาญ บุลกูล เป็นตัวบริษัทเลย โดดเด่นมากๆ เปรียบเหมือนร้านตัดเสื้อที่ตัดเฉพาะดาราเท่านั้น ไม่ใช่ใครๆก็ตัดได้
- ผมมองว่างานนี้ค่อนข้างแตกต่างกับพวกสถาบันใหญ่ๆ อย่างเช่น บริษัทหลักทรัพย์ เขาก็เป็นที่ปรึกษาเหมือนกันแต่เขาจะมีกรอบของรายได้จำกัดอยู่ หมายความว่าคิดราคา 2-3% ขนาดดีล ไม่สามารถคิดมากกว่านี้ได้แล้ว ไม่เหมือนกับ BROOK ที่ปรึกษางานพวกนี้คิดตามความยากของงาน ดีไม่ดีอาจจะขอแบ่งหุ้นด้วยบางส่วน ถ้าดีลสำเร็จนี้คือได้เงินเป็นกอบเป็นกำ มาร์จิ้นสูงมาก
- แต่งานพวกนี้มันติดอยู่กับตัวบุคคล นั้นคือคุณชาญ เขาใช้บริการเพราะคุณชาญ ถ้าคุณชาญเขาไปทำงานที่อื่นแล้ว BROOK จะโอเคอยู่ไหม เพราะคุณชาญเขามีประสบการณ์มาก
- เงินบางส่วนเอาไปลงทุนกับหุ้น ถ้าหุ้นขึ้นเราก็ได้รับทั้งปันผล ทั้งส่วนต่างราคา
- ผมเคยได้ยินว่าจะมีการหาคนมาแทนคุณชาญ ซึ่งผมคิดว่ามันก็ได้แต่"ความเก๋า" หรือ"ประสบการณ์" ไม่มากพอ ของพวกนี้มันต้องใช้เวลาเก็บประสบการณ์พอสมควร ไม่ใช่ว่าเด็กรุ่นใหม่จบจากมหาลัยดังๆจะเข้ามาทำได้เลย ของแบบนี้มันต้องลงสนามจริง
- ปัญหาใหญ่ของบริษัท คือ คาดการณ์กำไรยากมาก ปีนี้ไม่มีรายได้เลยเพราะดีลนี้จะไปสำเร็จเอาปีหน้าจะได้กำไรเยอะ แต่ปีนี้เราไม่มีกำไร เราไม่ได้จ่ายปันผล นักลงทุนเจอสถานการณ์แบบนี้เขาไปจะทำอย่างไร ?
- ค่า PE หรือ PBV ของบริษัทใช้ดูแทบไม่ได้เพราะกำไรผันผวน ถ้าปีไหนหุ้นตกละ กำไรจะเหลือเท่าไร
- สินทรัพย์ 2 พันล้าน Market Cap. 4 พันล้าน นั้นหมายถึงนักลงทุนให้ค่าพรีเมี่ยมกับตัวผู้บริหารถึง 2 พันล้าน คิดว่าเหมาะสมไหม
- เงินปันผล 9% ดูอะไรไม่ได้เพราะกำไรผันผวน ถ้าปีไหนรายได้ไม่ดี อาจจะปันผลไม่มากเท่านี้อีก
- จริงๆบริษัทที่ไม่มีรายได้ประจำ ตลาดมักจะไม่ให้มูลค่าสูง เช่น BROOK มี PE 5 เท่า ถามว่าต่ำไหม ต่ำมาก แต่รายได้ผันผวนนะ รับได้ไหม บางปีไม่มีดีลธุรกิจเลย ตลาดหุ้นไม่ขึ้น จะทำอย่างไร ?
- มันทำให้ผมนึกถึงวอร์เร็น บัฟเฟตต์ คนที่ซื้อหุ้นบัฟเฟตต์นี้ส่วนหนึ่งเป็นผู้ศรัทธานะ ไม่ใช่ว่าหุ้นเบิร์กไซด์ดีหรืออะไรหรอก ซื้อเพราะศรัทธา ถ้าวอร์เร็น บัฟเฟตต์ไม่ทำแล้ว คนที่เข้ามาก็สามารถบริหารต่อได้เพราะการบริหารมีแบบแผน บัฟเฟตต์วางลากฐานมาดีแล้ว แต่หุ้น BROOK อาจจะยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้าคุณชาญวางมือแล้วไม่ทำแล้ว โจทย์คือจะหาใครมาทำต่อ ??
--------------------------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model รายการ Money Channel : BROOK ที่ปรึกษาการเงินในโมเดลธุรกิจเงินสด
ดูฉบับเต็มได้ที่นี้เลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=ts1nCQLvGQU&t=768s