บทบรรณาธิการ : SET Index 1,700 จุด ไม่ถึงฝั่ง กำไรบจ.ทรงอย่างแบดฉุด

.
SET Index เปิดเดือนแห่งความรักมา ทรงไม่ค่อยสวยซักเท่าไหร่ แถมยังผันผวนต่อเนื่องอีกต่างหาก โดยเฉพาะหลังจากเข้าสู่ฤดูประกอบงบบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4 และงบปี 65 ที่ผ่านมา ที่รายงานออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้กว่า 20% ทำให้เม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาก่อนหน้านี้ พลิกกลับมาอยู่ฝั่งขายทันที
.
โดย บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตั้งแต่ 1 – 27 ม.ค.65 Fund Flow ที่เคยไหลเข้าหุ้นไทยสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันมีมูลค่าซื้อขายสะสมลดลงมาเร็วจนเป็นขายสุทธิ 3.2 หมื่นล้านบาท ytd ซึ่งระยะเวลาการรายงานงบงวด Q4/65 กินระยะเวลานานถึงสิ้นเดือน ก.พ. 66 หากออกมาแย่กว่าคาดต่อเนื่อง ก็จะนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรลงต่อได้ และมีโอกาสกดดัน Fund Flow ยังชะลอการไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย
.
ซึ่งเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่อง หลัง Flow ต่างชาติไหลออกกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจาก กำไร Q4/65 มี Negative Surprise หรือผิดจาก Consensus คาดการณ์ไว้ถึง 22% โดยมีการรายงานออกมาแล้ว 65 บริษัท (Market Cap 38%) มีกำไรสุทธิรวม 7.0 หมื่นล้านบาท ลดลง -33.2%QoQ และ -23.4%YoY
.
ส่วนประมาณการกำไรปี 66 ของเอเซียพลัส อยู่ที่ 1.27 ล้านล้านบาท หรือ 99.2 บาท/หุ้น ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 97.4 บาท/หุ้น (ลดลงราว 2%) ซึ่งมาจากการปรับประมาณการลงจาก กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ อาทิ TOP BPP BCPG IVL เป็นต้น ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนกำไรในภาวะปกติราว 34% ของกำไรทั้งหมด
.
และหากพิจารณากลุ่มอื่นๆ อาทิ COMM FOOD TRANS FIN HELTH ที่มีสัดส่วนกำไรรวมกว่า 24% ของกำไรบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดนั้น ยังไม่มีประเด็นสำคัญที่ทำให้ประมาณการมี Downside อย่างไรก็ตามประมาณการ EPS66F ยังคงมี Downside ซึ่งคงมีความชัดเจนขึ้น หลังผ่านช่วงฤดูกาลประกาศงบปี 65 เรียบร้อยแล้ว
.
เพราะฉะนั้นหากมองจากการประเมินของโบรกเกอร์แล้ว จะเห็นได้ว่า กำไร บจ.ปีนี้ อาจจะไม่สวยหรูนัก อีกทั้งเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ระบุว่า จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ แบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะมองว่าปัจจุบันยังไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ และอัตราเงินเฟ้อยังไม่ได้อยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ทำให้ยังมีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งการประชุม กนง.คราวถัดไป วันที่ 29 มี.ค. ที่จะถึงนี้ ดอกเบี้ยไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก 0.50% เลยก็เป็นได้
.
ดังนั้นหากแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะกดดันให้ SET Index ยังไปได้ไม่ถึงฝั่งฝัน และยังมีกรณีที่เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 21-22 มีนา ก่อนหน้านี้อีก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นบ้านเรามากน้อยแค่ไหน
.
อย่างไรก็ดี เราก็หวังว่าปัจจัยเหล่านี้ น่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะผ่านพ้นเดือนนี้ไปแล้ว ตลาดก็น่าจะได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว รวมถึงการเลือกตั้งในช่วงเดือนพ.ค. ที่จะช่วยกลับมากระตุ้นตลาดฯ และหนุนให้เม็ดเงินไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง