โบรกฯ จับตาศก.สหรัฐฯเสี่ยงถดถอยหรือไม่ หลังจีดีพีไตรมาสแรกติดลบ 1.4%

.
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) เผยผ่านบทวิเคราะห์วา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 1/65 โดย -1.4%QoQ และ+3.6%YoY การหดตัวเกิดจากภาคการค้าระหว่างประเทศ โดยการนำเข้าเพิ่มขึ้น สวนทางกับตัวเลขการส่งออกที่ลดลง โดยนับเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในปี 63 จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นสัญญาณลบในทางเศรษฐกิจ และอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะถดถอยในอนาคต
.
แต่ตลาดหุ้น กลับตีความในทางบวก โดยสร้างความคาดหวังว่า FED อาจใช้นโยบายการเงินตึงตัวในระดับที่ไม่ร้อนแรงมากนัก ทั้งนี้ Fed จะมีการประชุมในรอบถัดไปสัปดาห์หน้า (3-4 พ.ค.65) ประเด็นที่ต้องพิจารณา และติดตามต่อไปคือ
. 1. มีโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยตามนิยามจะเกิดขึ้นเมื่อเห็น GDP หดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
. 2. เศรษฐกิจที่ชะลอตัวภายใต้ สถานการณ์เงินเฟ้อ ที่ยังอยู่ในระดับสูง มีโอกาสที่จะเกิดภาวะ Stagfation หรือไม่
. 3. Invert Yield Curve ที่เคยเกิดขึ้นในบางช่วงเวลาในเดือน มี.ค.-เม.ย. มีโอกาสกลับมาหรือไม่ ซึ่งจะเป็นประเด็นที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น
.
ขณะที่ตลาดหุ้นเข้าสู่บททดสอบสำคัญ ช่วงกังวลเศรษฐกิจชะลอ พร้อมกับมาตรการกระตุ้นทางการเงินและการคลังมีจำกัด โดยตัวเลข GDP สหรัฐ งวด 1Q65 -1.4%QoQ เป็นการพลิกกลับมาชะลอลงอีกครั้งนับตั้งแต่ช่วงเกิดโควิด 19 หรือ งวด 2Q63 สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ในช่วงต่อจากนี้ ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดเช่นกัน ซึ่งล่าสุดตลาดยังคาดว่างวด 2Q65 Fed ยังมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มอีก 1% เป็น 1.5%
.
แม้อาจจะมีการลดระดับลงบ้าง แต่ก็ยังเป็นช่วงการลดระดับสภาพคล่อง และแตกต่างกับปี 2563 ที่มีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในระบบจำนวนมาก หนุนให้ตลาดหุ้นในปี 63 ฟื้นจากโควิดได้รวดเร็ว ประเด็นนี้อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกยังอยู่ในภาวะผันผวนต่อได้และยังสอดคล้องกับข้อมูลผลตอบแทนตลาดหุ้น Nasdaq ในช่วงที่ GDP สหรัฐติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกันขึ้นไป (เกิด Recession) พบว่า ตลาดหุ้น Nasdaq จะปรับฐานแรง และผันผวนมากกว่าปกติ
.
สรุปคือ ตลาดหุ้นอาจรีบาวน์ในช่วงสั้นได้จากความคาดหวัง Fed อาจใช้นโยบายตึงตัวน้อยลง แต่ในระยะถัดไปต้องเฝ้าดูว่า GDP สหรัฐจะติดลบต่อเนื่อง จนทำให้เกิด Recession หรือไม่? พร้อมกับการอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ที่ถูกจำกัดด้วยเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกเผชิญกับเศรษฐกิจที่ชะลอ บวกกับมาตการการกระตุ้นการเงินและการคลังที่ถูกจำกัดจากการอัดฉีดไปมากในช่วงโควิด-19
.
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส เผยว่า GDP สหรัฐ พลิก -1.4%QoQ ผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะ +1.1% QoQ สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มเติบโตชะลอ ส่วนคืนนี้ติดตาม GDP ของยูโรโซน รวมถึงเงินเฟ้อ PCE เดือน มี.ค.ของสหรัฐ หากออกมาเร่งตัวและสูงกว่าคาดอาจเป็นแรงกดดันต่อการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มลดงบดุล
