ผมเคยมีเนื้อหาที่พูดถึงระดับความเสี่ยงมาแล้ว...แต่วันนี้จะมาเสริมให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้นครับ
ย้อนกลับไปอ่านได้ที่นี่ครับ :
ความเสี่ยงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันนะ...มีใครอยากรู้บ้าง...มาดูกันเร็ว ตอนที่001
ความเสี่ยงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันนะ...มีใครอยากรู้บ้าง...มาดูกันเร็ว ตอนที่002
ปกติความเสี่ยงนั้นมีอยู่แล้วในทุกๆสิ่งครับ...แต่ว่าบางทีความเสี่ยงนั้นก็ไม่อาจส่งผลกระทบต่อบุคคลหนึ่งได้ นั้นเพราะระดับการทนต่อแรงต้านทานต่อระดับความเสี่ยงของบุคคลนั้นสูงกว่าระดับปกติของคนทั่วไป
ทีนี้นอกจากความเสี่ยงแล้ว เราจะเสริมส่วนของธรรมชาติของสิ่งนั้นๆเข้าไปด้วย เพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้นของผลกระทบจากความเสี่ยงที่เกิดจากธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ
เช่น
มีพริกอยู่ 1 เม็ด และให้เราทานพริก...เราก็ต้องรับรู้ผลกระทบของพริกที่มีต่อลิ้น และร่างกาย และความรู้สึกเผ็ดร้อนที่เราได้รับจากธรรมชาติความเป็นพริก
จากรูปที่ 1
ทานพริก 1 เม็ด ไล่ระดับไปจนถึงระดับ 10 เม็ด
ทุกคนที่ทาน...อาจจะมีบางคนทานเม็ดที่ 1 ไปก็ไม่ไหวแล้ว หรืออาจจะไม่สามารถทานพริกได้เลย หรือบางคนอาจทานได้เกินกว่าระดับ 10 เม็ดได้อย่างสบายๆ นี่เพราะระดับการทนต่อแรงต้านทานต่อพริกของคนๆนั้นสูงกว่าคนทั่วไป หรืออาจถึงขั้นไม่ใช่การทนแต่เป็นผลมาจากความชื่นชอบเป็นส่วนตัว ยิ่งทานยิ่งชอบจึงไม่มีสภาวะกดดันใดๆเกิดขึ้น แต่สาระสำคัญคือ ทุกๆคนจะหลีกหนีความรู้สึกเผ็ดร้อนที่เราได้รับจากธรรมชาติความเป็นพริกไปไม่ได้เลย เพราะนี่คือธรรมชาติของพริก ไม่งั้นพริกจะไม่ได้เป็นพริก
หากยังไม่เห็นภาพเรามาดูกันที่รูปที่ 2
ทานเบียร์ 1 แก้ว ไล่ระดับไปจนถึงระดับ 10 แก้ว
ทุกคนที่ดื่ม...อาจจะมีบางคนดื่มแก้วที่ 1 ไปก็ไม่ไหวแล้ว หรืออาจจะไม่สามารถดื่มเบียร์ได้เลย หรือบางคนอาจดื่มได้เกินกว่าระดับ 10 แก้วได้อย่างสบายๆ นี่เพราะระดับการทนต่อแรงต้านทานต่อเบียร์ของคนๆนั้นสูงกว่าคนทั่วไป หรืออาจถึงขั้นไม่ใช่การทนแต่เป็นผลมาจากความชื่นชอบเป็นส่วนตัว ยิ่งดื่มยิ่งชอบจึงไม่มีสภาวะกดดันใดๆเกิดขึ้น แต่สาระสำคัญคือ ทุกๆคนจะหลีกหนีความรู้สึกเมาที่เราได้รับจากธรรมชาติความเป็นเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ไปไม่ได้เลย เพราะนี่คือธรรมชาติของเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ ไม่งั้นเบียร์จะไม่ได้เป็นเบียร์
จาก 2 ตัวอย่างที่ยกมานี้...ผมจะสื่อให้เพื่อนๆเห็นว่านอกจากความเสี่ยงที่เรามองเห็นแล้ว และเรายอมรับมันได้แล้ว...แต่อีกสิ่งที่หลายๆคนอาจมองข้ามไปนั้นก็คือ ความเป็นธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ...และมันเป็นสิ่งที่ต้องมีในธรรมชาติของสิ่งนั้นๆอยู่แล้ว...เช่นธรรมชาติของการลงทุนในหุ้นคือ ราคาต้องมีความผันผวน ราคาไม่ขึ้น ราคาก็ต้องลง หรือนิ่งๆอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่หากเราไม่ยอมรับในธรรมชาติของสิ่งนี้...เราก็อาจจะเกิดความร้อนใจ กระวนกระวายใจ เวลาที่หุ้นที่เราซื้อลงทุนไปนั้น ราคาเคลื่อนที่ลง ลง และลง หรือ ราคาหุ้นขึ้น ขึ้น และขึ้นแต่เราไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนั้นไว้ในพอร์ตเลยเกิดความเศร้าเสียใจที่รู้สึกพลาดที่ไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนั้นก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้น แต่ทั้งหมดนี่มันก็เป็นเพียงธรรมชาติของมันที่ราคาหุ้นมันต้องเคลื่อนที่ไปมา...หน้าที่ของนักลงทุนคือ การประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ พิจารณา ว่าเราเลือกและตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวไหน เมื่อเราเลือกและตัดสินใจได้แล้ว ที่เหลือคือการยอมรับผลของมัน คือการยอมรับผลลัพธ์ของมันหลังจากที่เราได้ตัดสินใจไปแล้ว...และยอมรับความเป็นธรรมชาติของมันให้ได้ การลงทุนของเราก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของเรามากนักหรืออาจไม่มีเลยก็เป็นไปได้