ห้องเม่าปีกเหล็ก

สรุป ดร.นิเวศน์ มองหุ้นแบงก์อย่างไรตอนนี้ !!

โดย SiTh LoRd PaCk
เผยแพร่ :
48 views

ถือว่ามีข่าวร้ายมากระทบค่อนข้างมากสำหรับกลุ่มแบงค์ เมื่อช่วงต้นปีเจอข่าวร้ายโรคระบาดทำให้หนี้เสี่ยเยอะ ผิดนัดชำระหนี้ กลุ่มแบงค์ก็ลงมามากแล้ว พอถึงกลางปีมีข่าวเรื่องแบงค์ชาติขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์ของไทย "งดจ่ายปันผล" และ "งดซื้อหุ้นคืน" เพื่อรักษาสภาพคล่อง ยิ่งเป็นปัจจัยกดดันนักลงทุนให้เทขายหุ้นแบงค์เป็นอย่างมาก เพราะแบงค์ถือเป็นอีกกลุ่มที่ปันผลค่อนข้างดี แต่ถ้างดจ่ายปันผลแล้วจะทำให้หมดเสน่ห์เอาได้ง่ายๆ

ลองมาดูมุมมองของ ดร.นิเวศน์ กันว่า ณ เวลานี้มีมุมมองต่อหุ้นแบงค์อย่างไร สรุปใจความสำคัญมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง


1. ปัจจัยที่จะทำให้แบงค์เจ๊ง
ดร. มีมุมมองว่าแบงค์จะเจ๊งได้ มี 2 อย่าง คือ
1. แบงค์บริหารไม่ดี ผู้บริหารมีปัญหา หนี้เสียเยอะทำให้ขาดทุน
2. ปัญหาด้านสภาพคล่อง คือคนแห่กันมาถอนเงินเพราะไม่มั่นใจแบงค์ ซึ่งต้มยำกุ้งทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทำให้สถาบันการเงินมีปัญหา

ถามว่าตอนนี้แบงค์มีปัญหาไหม
... เรามาลองวิเคราะห์สภาพคล่องก่อน ตอบเลยว่าตรงนี้ไม่มีปัญหา สภาพคล่องล้น แบงค์มีเงินเยอะ รับฝากเงินได้เยอะ ไม่จำเป็นต้องอัดโปรโมชั่นเงินฝากดอกเบี้ยสูงเหมือนเมื่อก่อน

สิ่งที่จับตาตอนนี้ หรือเป็นสัญญาณว่าแบงค์จะเจ๊งไหม คือ การดูว่าประชาชนแห่กันไปถอนเงินไหม ถ้าไม่มีก็คิดว่าคงไม่เจ๊ง

อีกอย่างแบงค์มีประการณ์จากการผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งมา อันนี้ถือเป็นสาเหตุทำให้แบงค์ไทยแข็งแกร่งมาก มีความ Conservative สูงมาก ลูกหนี้บางคนไม่มีปัญหาแต่แบงค์ตั้งสำรองไปแล้ว ตรงนี้ก็ต้องชื่นชมผู้บริหาร แบงค์ชาติที่ควบคุมดูแลได้ดี  
อย่างปี 2540 ต้มยำกุ้ง ก็มีข่าวลือออกมาว่า เงินทุนนั้นเจ๊ง แบงค์นั้นมีปัญหา คนเลยแห่กันไปถอนเงิน แต่ภาพเหล่านี้ยังไม่เห็น สภาพคล่องไม่มีปัญหา


2. แบงค์และภาพเศรษฐกิจของไทน หลังวิกฤตโควิด
ดร.นิเวศน์ มองว่าการควบคุมโรคของประเทศเราทำได้ดี การระบาดไม่มีมาสักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยน่าจะมีปัญหาจากการปิดประเทศ รัฐบาลโดนกดดันให้ต้องปิด ยิ่งปิดก็เลยยิ่งแย่ ดังนั้นสิ่งที่ภาครัฐพอจะทำได้ คือ เปิดประเทศให้เร็วที่สุด ให้กิจกรรมของคนไทยกลับมาเป็นปกติ เศรษฐกิจหมุนไปได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องเฝ้าดู คือ จะกลับมาระบาดรอบสองได้หรือไม่ ต้องจับตาดูกันต่อไป

เมื่อลองมองเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา ปรากฏว่า "โตช้า" พอมันโตช้าแสดงว่าคนไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเยอะ พอไม่คาดหวัง มันก็จะไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรมาก อาจจะสะดุดไปบ้างแต่สุดท้ายก็จะกลับมาได้

มองกลับมาที่กลุ่มแบงค์
...  จริงๆเป็นกลุ่มที่ดีมาตลอด รายได้โต กำไรโตแบบมั่นคง มาร์จิ้นค่อนข้างดี โดยทั่วไปแล้วแบงค์น่าจะเป็นตัวแทนการโตของประเทศ ประเทศไทยโตช้า แต่แบงค์โตช้าแต่โตแบบมั่นคง

วิกฤตโควิดที่ผ่านมานี้ จริงๆกลุ่มแบงค์น่าจะได้เปรียบกลุ่มอื่น เพราะที่อื่นเขาปิดหมด แต่ดอกเบี้ยแบงค์ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ แต่แบงค์ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงในเรื่องของ "หนี้สิน"


3. ทำไมหุ้นแบงค์ลงแรง
หุ้นแบงค์ในมุมนักลงทุน คือ ปันผลดี
.. พอแบงค์ชาติออกมาห้ามว่าอย่าจ่ายปันผลระหว่างกาลนะ งดซื้อหุ้นคืน ทำให้เกิดอาการ Panic ขึ้นมา  ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนต้องทำ คือ มองว่ากลุ่มแบงค์จะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนตัวมองว่ากำไรปีนี้ลดแน่นอน แต่ก็จะประคับประคองผ่านไปได้ ไม่เจ๊ง ดีไม่ดีอาจจะฟื้นตัวปีหน้า และปีหน้าหน้าก็จะยิ่งโตขึ้นไปอีก

ทั้งนี้มองว่าหุ้นแบงค์ที่ลงมารอบนี้เป็น "โอกาส" แต่สำหรับปีนี้ยอมรับว่ากำไรของแบงค์ไม่ดีแน่ๆ แต่อยากให้มองข้ามไปปีหน้าเลย

ตามความเป็นจริงแล้วแบงค์กำไรปีละ 3-4 หมื่นล้าน ในขณะที่ Market Cap. อยู่ระดับ 2 แสนล้านเอง เมื่อดูจาก P/BV ประมาณ 0.5-0.6 เท่า ถือว่าถูกมาก มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ส่วนสาเหตุที่หุ้นแบงค์ลงแรงนั้น น่าจะมาจาก ต่างชาติขายเป็นหลัก

สรุปแล้วหุ้นแบงค์น่าสนใจ ถือรับปันผลปีนี้อาจจะน้อยหรือไม่ได้ แต่ปีหน้าเราอาจจะได้ 5% ถ้ากำไรเพิ่มเราก็จะได้มากขึ้น ค่อยๆสะสมไป มองเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน


4. สิ่งที่น่ากังวล
ดร. มองว่า สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับธุรกิจ คือ
1. กลุ่มท่องเที่ยวที่น่าจะฟื้นตัวได้ช้า โดยเฉพาะสายการบิน โรงแรม สนามบิน

2. โควิดน่าจะยืดเยื้อต่อไป ถึงแม้เราจะลดน้อยลงแล้ว แต่ต่างประเทศเขาระบาดหนักกว่าเดิม  และประเทศไทยพึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ สาเหตุนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาไทย

5. กระแสดิสรัปหุ้นแบงค์
ประเด็นนี้ถูกพูดถึงอยู่บ่อย เมื่อก่อนแบงค์อาจจะมีค่าธรรมเนียม แต่แบงค์เลือกที่จะดิสรัปตัวเอง ไม่เอาค่าธรรมเนียม แต่หันมาเอา "ข้อมูล" หรือ "อินโฟเมชั่น" แทน ข้อมูลในยุคนี้ราคาสูงมาก โดยเฉพาะข้อมูลลูกค้าหรือพฤติกรรมของผู้บริโภคพวกนี้มันทำเงินได้นะ รู้เลยว่าใครรวย เงินเดือนเท่าไร ยิ่งโฆษณาแบบไหนถึงได้รับผลตอบรับดี คนนี้สนใจอะไร คนนี้ชอบอะไร คือรู้ทุกอย่าง

จริงๆแล้วธุรกิจธนาคารเป็นธุรกิจที่สำคัญมาก พอๆกับอาหาร คือเราต้องกินทุกวัน ต้องใช้ทุกวัน แบงค์ก็เหมือนกัน เราทำงานมา หรือมีเงินสักก้อนคงไม่ไปเก็บที่บ้าน แต่เราเอาเงินไปเข้าแบงค์ ดูแลรักษาง่าย ปลอดภัย มีแบงค์เป็นตัวกลาง มีกิจกรรมทางการเงิน มันต้องอยู่คู่กับมนุษย์ไปอีกนานมากๆ

พูดง่ายๆ คือ แบงค์ดิสรัปตัวเอง ไปไกลกว่านั้น ไกลกว่าที่นักลงทุนคาดคิด

อีกทั้ง แบงค์เปลี่ยนตัวเองตลอดเวลา ปรับตัวกันตลอด คู่แข่งหน้าใหม่เข้ามายากเพราะแบงค์ของไทยเราแข็งแกร่งมาก

กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ต้องไปควบคู่กับแบงค์ พอมันมีคุณค่ากับเศรษฐกิจ มันก็ต้องมี "มูลค่า"  แต่นักลงทุนกลับไม่ค่อยให้มูลค่าสักเท่าไร  ถ้าวิเคราะห์ดีๆ ประเทศไทยโตช้านะ ธุรกิจขนาดใหญ่ก็โตช้า ธุรกิจ SMEs ไม่โตเลย บางทีเจ้าของไปเล่นหุ้นด้วยซ้ำ ทำธุรกิจเองมันยาก พอมันโตช้าแล้ว จะคิดว่าเศรษฐกิจพัง แบงค์มีปัญหา มันก็อาจจะไม่จริง

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ "ความน่าเชื่อถือ"
เราอย่าลืมว่าแบงค์มีความน่าเชื่อถือ ทำธุรกรรมทางการเงินอะไรสักอย่าง เราต้องทำผ่านแบงค์ ถ้าอยู่ดีๆมีแอปพลิเคชั่นอะไรสักอย่างหนึ่ง มาให้เราโอนเงินโดยตรงได้ มันไม่มีความน่าเชื่อถือ

 

โดยภาพรวมแล้ว ดร.นิเวศน์ มองว่ากลุ่มแบงค์ลงมารอบนี้เป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุน เพียงแต่เราต้องมองยาวและถือยาวหน่อย เท่านั้นเองครับ

=========================

ขอบคุณคลิปดีๆจาก


SiTh LoRd PaCk