" นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " หรือประธานาธิบดี Donald Trump ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อฯในวันนี้ วันที่ 13 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ว่า " ท่านฯจะเข้าไปแทรกแซงกรณีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของนาง เม่ง หวันโจว ( ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน หรือ CFO ของบริษัทหัวเว่ย และเป็นลูกสาวของผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ) ถ้าท่านฯชนะการเจรจาการค้ากับจีน " และจากแนวโน้มดังกล่าวข้างต้น ก็แสดงว่าสหรัฐอเมริกากําลังแสดงท่าทีที่จะประนีประนอมในการเจรจาการค้ากับจีนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันกับที่จีนเองก็คงจะต้องหันหน้าเข้ามาเจรจากับสหรัฐอเมริกา เพราะจีนเองยังคงเสียเปรียบสหรัฐอเมริกาใน 4 ข้อ ดังนี้ คือ :
1) ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่ +47.01% ในขณะเดียวกันกับตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงไปทําจุดตํ่าสุดใหม่ในรอบนี้ -22.20% และถ้าตลาดหุ้นจีนตกลงไปมากกว่านี้ ก็จะไม่เป็นผลดีต่อจีนอย่างแน่นอน
2) สหรัฐอเมริกาสามารถปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ขึ้นไปอีก ถ้าสหรัฐอเมริกาต้องการจะทํา แต่จีนไม่มีเพดานการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีกแล้ว เพราะตอนนี้จีนยังต้องอาศัยการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการผ่อนปรนทางธนาคารฯอยู่เลย
3) สหรัฐอเมริกายังสามารถขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% จากมูลค่าสินค้า 200,000 ล้าน USD เดิม และสามารถปรับขึ้นได้อีกเป็นมูลค่าสินค้า 267,000 ล้าน USD ถ้าสหรัฐอเมริกาต้องการจะทํา
4) นางเม่ง หวันโจว ยังอยู่ในขั้นตอนการจับกุมของทางการสหรัฐอเมริกาและปัจจุบันได้รับการประกันตัวจากศาลฯของแคนาดาแล้ว ( มีกําหนดที่จะไปศาลฯครั้งต่อไปเพื่อไปรับฟังเรื่องการส่งตัวไปสหรัฐอเมริกาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562 ขณะที่สหรัฐอเมริกามีเวลายื่นขอส่งตัวนาง เม่ง หวันโจวข้ามแดนถึงวันที่ 8 มกราคม ปี พ.ศ 2562 ) และทางการสหรัฐอเมริกาสามารถเอาผิดถึงขั้นติดคุกได้สูงถึง 30 ปี ถ้าสหรัฐอเมริกาต้องการจะทํา
เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ก็คาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน น่าจะเป็นไปได้ด้วยดีและตกลงกันได้ก่อนกําหนด Dead Line ในวันที่ 1 มีนาคม ปี พ .ศ 2562 โดยในขณะนี้จีนกําลังกลับมาซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐอเมริกาเป็นจํานวนมาก และคาดว่าจีนจะปรับลดภาษีนําเข้ารถยนต์จากสหรัฐอเมริกาให้เหลือ 15% จากเดิม 40% ภายในเร็วๆนี้
และ จากการที่ " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " หรือประธานาธิบดี Donald Trump ได้ให้สัมภาษณ์สื่อฯเมื่อวันวานนี้ วันที่ 12 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ว่า " Trump Says Fed " Would be Foolish " to Raise Rates This Month " แปลเป็นไทยว่า " ทรั้มพูดว่า " ธนาคารกลางคงจะโง่สิ้นดี " ถ้าจะปรับขึ้น Fed Fund Rate ในเดือนนี้ ( หมายถึงการประชุม FOMC ระหว่างวันที่ 18 - 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 นี้ ) " ซึ่งก็น่าจะมีผลในทางจิตวิทยา เพราะท่านเคยกล่าวหาธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามาแล้วว่า " ท่านฯเป็นคนสร้าง แต่ธนาคารกลางเป็นคนทําลาย! " และ " ท่านฯผิดหวังมากที่เลือก Jerome Powell มาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา! "
ซึ่งก็น่าจะทําให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายับยั้งชั่งใจที่จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ในการประชุมระหว่างวันที่ 18 - 19 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 นี้ได้
ถ้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนเป็นไปอย่างราบรื่น และธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นโดยรวมให้อยู่ในสภาวะกระทิงต่อไป ไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไปในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.bloomberg.com )
2) ตามปรกติแล้วประธานธนาคารกลาง หรือผู้ว่า Bank ชาติฯ จะทํางานแบบเป็นอิสระ โดยไม่ขึ้นกับประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีของประเทศ แต่ในปี พ.ศ 2544 อดีตนายกทักษิณฯได้สั่งการให้หม่อมเต่าฯ ( หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล ) ซึ่งเป็นผู้ว่า Bank ชาติในขณะนั้นขึ้นดอกเบี้ย R/P 14 วัน แต่หม่อมเต่าฯเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตาม ก็เลยโดนปลดจากตําแหน่งผู้ว่า Bank ชาติ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2544 และในที่สุดดอกเบี้ย R/P 14 วันของไทยก็ปรับตัวจาก 1.25% เป็น 2.5% ในเวลาต่อมาคือวันที่ 8 มิถุนายน ปี พ.ศ 2544
3) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยประธานาธิบดี Donald Trump ), ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ) และ สภาวะตลาดหมี ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยวัฏจักรเศรษฐกิจขาลงรอบใหญ่วิเคราะห์โดย Ray Dalio ) ใน longtunbysak.blogspot.com