ห้องเม่าปีกเหล็ก

เงินเฟ้อรอบนี้ กระทบหุ้นแค่ไหน ?

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
61 views
เงินเฟ้อรอบนี้ กระทบหุ้นแค่ไหน ?
 
 
 
.
ต้องยอมรับเลยว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ถือเป็นอีก 1 ช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆ สำหรับนักลงทุน เพราะตั้งแต่ต้นเดือนดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลงไปแล้วกว่า 100 จุด หรือ ราว 6%
.
สาเหตุสำคัญของการปรับตัวลงในครั้งนี้ คือ การส่งสัญญาขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเร่ง ของธนาคารกลางใหญ่ๆของโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เพื่อเร่งแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
.
แต่ก็ยังมีบางคนสงสัยว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ทำไมถึงกระทบกับตลาดหุ้นไทยแรงขนาดนั้น วันนี้แอดฯเลยอาสามาเล่าให้ทุกคนฟังแล้วกัน ...
.
โดยปกติอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น (แบบไม่รุนแรง) มักจะเป็นข้อดีมากกว่า เพราะสะท้อนถึงการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นกำลังดี อะไรหลายๆอย่างก็น่าลงทุนไปหมด
.
แต่อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยในรอบนี้ ที่ล่าสุดเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่า 7% ถือเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 13 ปี กลับส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคธุรกิจมากกว่า
.
อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงในรอบนี้ ทำให้ธนาคารกลางมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งเงินเฟ้อยังทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน เป็นต้น
.
ทีนี้เมื่อธนาคารกลางใหญ่ๆของโลก เช่น FED เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นใกล้เคียงอัตราเงินปันผลของหุ้นพื้นฐานดีอีกด้วย
.
และค้วยความที่ว่าพันธบัตรรัฐบาล มันเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นอย่างมาก พอเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น ก็ย่อมส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องป้องกันความเสี่ยง ด้วยการเทขายหุ้นออกไปในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อนำเงินที่ได้เปลี่ยนไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นนั่นเอง
.
ปรากฏการณ์ดังกล่าว กำลังส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทย อย่างที่เราเห็น SET Index ปรับตัวลงแรงมาตั้งแต่ต้นเดือน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) เทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
.
โดยตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. นักลงทุนต่างประเทศมีสถานะพลิกกลับมาขายสุทธิหุ้นไทย เฉลี่ยวันละ 2.1 พันล้านบาท แถมยังเป็นเดือนแรกของปี 65 ที่ Fund Flow มีสถานะขายสุทธิ หลังจากซื้อสุทธิมาต่อเนื่อ งตั้งแต่ปลายปี 64 นู่นเลย
.
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะพวกเขามองว่า การลงทุนในหุ้นเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นแล้ว ซึ่งหากยังทนถือหุ้นต่อไป ก็จะยิ่งมีแต่เจ็บตัว เพราะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ก็ต่างได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน
.
อย่างที่แอดเล่าไปตอนต้นว่า เงินเฟ้อที่สูงขึ้นในรอบนี้ เกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน หรือ ต้นทุนอาหารที่ราคาสูงขึ้นในช่วงนี้ ต่างเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานของบริษัทกันถ้วนหน้า
.
ซึ่งจากการที่แอดฯไปสอบถามนักวิเคราะห์หลายๆราย ส่วนใหญ่มองว่า ทิศทางผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในระยะถัดไป
.
นอกจากเงินเฟ้อจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้ต้นทุนการระดมทุน อย่างหุ้นกู้เพิ่มขึ้นด้วย สะท้อนจากดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ที่ต้องเพิ่มสูงขึ้นตามเทรด์ดอกเบี้ยขาขึ้น
.
ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า บริษัทที่ออกหุ้นกู้ใหม่ ส่วนใหญ่เริ่มให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งโดยแกติดอกเบี้ยหุ้นกู้ระดับ 7% เรามักจะพบได้ในหุ้นกู้ไร้เรตติ้ง แต่ถ้ากวาดตาไปดูที่ปีนี้ จะเริ่มเห็นหุ้นกู้ระดับดังกล่าว แต่มีเครดิต เรทติ้งรองรับบ้างแล้ว
.
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทยอยขายหุ้นไทยออกไปในช่วงนี้ เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการลงทุนของตนเองให้ลดลงนั่นเอง
 
 
 

คเณชา