ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลยุทธความสามารถในการแข่งขัน ( Competitive Strategy )

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
70 views

ก่อนที่จะกล่าวถึงกลยุทธความสามารถในการแข่งขัน ( Competitive Strategy ) ผู้โพสต์ขอทบทวนหลักการตลาดซึ่งเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์กลยุทธความสามารถในการแข่งขัน ดังนี้ คือ :

หัวใจของหลักการตลาดประกอบไปด้วย 3 C และ 4 P ดังนี้ คือ :

1) 3 C

1.1) Company ( บริษัทของเรา )

1.2) Competitor ( บริษัทคู่แข่งของเรา )

1.3) Customer ( ลูกค้า )

2) 4 P

2.1) Product ( ผลิตภันฑ์ )

2.2) Price ( ราคา )

2.3) Place ( สถานที่วางจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์  )

2.4) Promotion ( การส่งเสิมการขายผลิตภันฑ์ )

ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของการตลาดคือ Philip Kotler

ส่วน บิดาของกลยุทธความสามารถในการแข่งขัน ( Competitive Strategy ) คือ Michael E. Porter

Michael E. Porter ได้วิเคราห์สภาพการแข่งขันของตลาด โดยใช้ 5 Forces ในการอธิบาย ซึ่งมีส่วนประกอบดังนี้ คือ  :

1) Industry Rivalry ( การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม )

2) Bargaining  Power of Suppliers ( อํานาจต่อรองของ Suppliers )

3) Bargaining Power of Customers ( อํานาจต่อรองของลูกค้า )

4) Threat of Substitutions ( ภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน )

5) Threat of New Entrance ( ภัยคุกคามจากคู่แข่งขันรายใหม่ )

Michael E. Porter ให้คําแนะนําเพิ่มเติมสําหรับกลยุทธความสามารถในการแข่งขัน คือ :

1) Cost Leader ( เป็นผู้นําทางด้านต้นทุนที่ตํ่า )

2) Product Differentiation ( การทําสินค้าที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น )

3) Focus Strategy ( การแก้ปัญหาโดยใช้กลุ่มคนแบบมุ่งเน้นภายในองค์กร )

อย่างไรก็ตาม หลักการตลาดและกลยุทธความสามารถในการแข่งขันดังกล่าวข้างต้น ส่วนใหญ่เป็นการวิเคราะห์การแข่งขันของธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ถ้าเป็นการวิเคราะห์ธุรกิจต่างอุตสาหกรรม การ Disrupt อุตสาหกรรม การทดแทนอุตสาหกรรมดั้งเดิมโดยอุตสาหกรรมใหม่ที่ดีกว่าเดิม หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมแบบถอนรากถอนโคน ส่วนใหญ่จะใช้ทฤษฏีการทําลายเพื่อการสร้างสรรค์ ( Creative Destruction ) ของ Joseph Schumpeter และ ทฤษฎีวิวัฒนาการ ( Theory of Evolution ) ของ Charles Dawin มาอธิบาย ดังนี้ คือ :

1) การทําลายเชิงสร้างสรรค์ ( Creative Dectruction ) คือ การเกิดขึ้นของสิ่งใหม่, ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ อุตสาหกรรมใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพื่อทดแทนของเก่า และ เป็นคุณสมบัติที่สําคัญที่สุดประการหนึ่งของระบบทุนนิยม

2) ทฤษฎีวิวัฒนาการ ( Theory of Evolution ) ตามที่ Charles Dawin ได้กล่าวไว้ว่า " สิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้ สามารถอยู่รอดได้ ไม่ไช่ เพราะ ความที่เขาแข็งแรงและฉลาดที่สุด แต่เป็นเพราะเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ต่างหาก

ตัวอย่างของ ผลของการทําลายอย่างสร้างสรรค์ ( Creative Destruction ) และ ผลของทฤษฎีวิวัฒนาการ ( Theory of Evolution ) เป็น ดังนี้ คือ :

1) Kodak ถูกแทนที่ด้วย Instragram ในธุรกิจรูปถ่าย

2) เครื่องพิมพ์ดีด  ถูกแทนที่ด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ ในธุรกิจพิมพ์ดีด

3) Borders Books ถูกแทนที่ด้วย Amazon ในธุรกิจหนังสือ

4) Tower Records ถูกแทนที่ด้วย Apple ในธุรกิจเพลง

5) Hotel Chains ถูกแทนที่ด้วย Airbnb ในธุรกิจท่องเที่ยว

6) Taxi ถูกแทนที่ด้วย Grab, Uber, Didi Chuxing, และ Go-Jex ในธุรกิจท่องเที่ยว

7) Resumes และ Recruiters ถูกแทนที่ด้วย Linkedin ในธุรกิจบริหารทรัพยากรมนุษย์

8) Newspaper และ Magazine ถูกแทนที่ด้วย Social Media ในธุรกิจสื่อสาร

9) Retail Stores ถูกแทนที่ด้วย Alibaba ในธุรกิจขายของออนไลน์ และ e-Commerce ในธุรกิจช้อปปิ้ง

10) บริการไปรษณีย์ ถูกแทนที่ด้วย Email ในธุรกิจไปรษณีย์

11) บริษัทตัวแทนท่องเที่ยว ถูกแทนที่ด้วย Expedia, Priceline, Orbitz และ Travelocity ในธุรกิจท่องเที่ยว

12) แรงงานมนุษย์ ถูกแทนที่ด้วย Robot ( หุ่นยนต์ ) และ Artificial Intelligent ( AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ) ในธุรกิจทั้งภาคอุตสาหกรรมและบริการ

13) Fossil Fuel ถูกแทนที่ด้วย Renewable Energy และ Electric Vehicle ( EV ) ในธุรกิจพลังงาน

14) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ถูกแทนที่ด้วย Cryptocurrency ในธุรกิจการเงิน

                                                                  เป็นต้น

หมายเหตุ โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com

 


ศักดิ์