ห้องเม่าปีกเหล็ก

มองหุ้นเด่น : TKN กลับเข้าสู่มูลค่ายุติธรรม

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
82 views


เครดิตภาพ http://gis.pattaya.go.th

ไม่น่าเชื่อว่าหุ้นขนมคบเขี้ยวธรรมดา ราคาหุ้นจะร้อนแรงถึงเพียงนี้ หุ้น TKN หรือเถ้าแก่น้อยเคยแตะจุดสูงสุดที่ 29 บาท ก่อนที่จะลดลงมาเรื่อยๆหลุดระดับ 20 บาท สร้างความเจ็บปวดให้กับนักลงทุนเป้นจำนวนมาก สาเหตุที่หุ้นลงประกอบไปด้วย 2 เหตุผล คือ 1.) การปรับลดประมาณการของโบรคเกอร์ และ 2.) ความผิดหวังของผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่นักลงทุนคาดหวัง

TKN บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปภายใต้ตราสินค้า "เถ้าแก่น้อย" รวมถึงขนมขบเคี้ยวประเภทอื่นๆ เช่น ข้าวโพดอบกรอบ เป็นต้น โดยลักษณะของผลิตภัณฑ์และบริการแบ่งเป็น 5 ประเภทได้แก่
1) สาหร่ายทอดกรอบ
2) สาหร่ายย่าง
3) สาหร่ายเทมปุระ
4) สาหร่ายอบ
5) ผลิตภัณฑ์อื่น ประกอบด้วย ธุรกิจข้าวโพดอบกรอบ ธุรกิจร้านจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและของฝาก และธุรกิจขนมปังอบกรอบและข้าวโพดอบกรอบ
ธรุกิจขนมแปรรูปของ TKN มีทั้งส่งไปจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงมากโดยเฉพาะชาวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทย

TKN ถือหุ้นใหญ่ 61% โดย "กลุ่มพีระเดชาพันธ์" มีโรงงานผลิตสาหร่ายแปรรูป 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่ จ.ปทุมธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา ในอดีตหุ้นตัวนี้นับว่าเป็นหุ้นที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ความสนใจมาก หลังเข้าเทรดในเดือน ธ.ค.2558 จำนวนผู้ถือหุ้นปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 9,300 รายจากประมาณ 4,000-5,000 รายในช่วงปี 59 เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากการลงทุนค่อนข้างหวือหวา จากราคา IPO เพียง 4 บาท แรลลี่ขึ้นไปถึง 6 เท่า แตะจุดสูงสุดที่ 29.50 บาท ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปีที่เข้าเทรด สร้างผลตอบแทนได้อย่างงดงามให้กับผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะผู้ซื้อ IPO ต่างยิ้มกันเป็นแถว

ตลาดคาดหวังว่าหุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นเติบโตสูง (Growth Stock) ซึ่ง TKN ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ในปี 2558 TKN สามารถทำกำไรได้ 396 ล้านบาท และในปี 2559 ก็สร้างกำไรได้สูงถึง 781 ล้านบาท ทำให้ TKN เป็นหุ้นที่เทรดในระดับ P/E 55 เท่า และ P/BV ที่ 19 เท่า

สัญญาณที่น่าสนใจ และนักลงทุนควรเรียนรู้คือการขายของผู้ถือหุ้นใหญ่ "กลุ่มพีระเดชาพันธ์" ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงว่าเป็นการปรับพอร์ตหลังหุ้นเข้าตลาดในปีแรกและเป็นสัดส่วนการถือหุ้นที่ตั้งเป้าไว้ อย่างไรก็ตามนายอิทธิพัทธ์ และครอบครัว ยังคงถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 63.4% ของทุนจดทะเบียน

เมื่อเข้าสู่ปี 2560 ผลงานของ TKN กลับไม่เป็นไปตามเป้า งบไตรมาส 1/60 ประกาศกำไรสุทธิแค่ 171 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควร ทำให้วงการโบรคเกอร์ปรับลดประมาณการราคาเป้าหมาย เช่น บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ปรับลงเหลือ 27 บาทจาก 32 บาท และ บล.ซีไอเอ็มบี ลดเหลือ 21.10 บาท จาก 22.90 บาท

ทำให้ความเคลื่อนไหวของ TKN หลังแจ้งงบไตรมาส 1/60 ราวต้นเดือน พ.ค. ราคาปรับลงมาทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ 22.00 บาท กลุ่มพีระเดชาพันธ์กลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุนด้วยการเข้าเก็บหุ้นในช่วงที่ราคาปรับลง

ต่อมาไตรมาส 2/60 TKN ก็สร้างความผิดหวังขึ้นมาอีกครั้ง โดยแจ้งกำไร 135.33 ล้านบาท ลดลง 26.7% YoY สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามราคาสาหร่ายซึ่งเป็นวัตถุดิบนำเข้าจากเกาหลี และค่าใช้จ่ายการขายเพิ่มขึ้นตามการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ การโฆษณาทางโทรทัศน์ ช่องทางออนไลน์ รวมถึงการเริ่มทำตลาดในประเทศจีน และรับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงปลายไตรมาส 2/60 เนื่องจากการทำสัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้าเพื่อจ่ายค่าสาหร่ายไว้ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งช่วงนั้นค่าเงินบาทอ่อนค่่า ทำให้ต้องบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 11.2 ล้านบาท

ฟากโบรกฯ เตรียมทบทวนประมาณการ หลังจะเข้ารับฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร 18 ส.ค.นี้ พร้อมระบุผิดหวังกับผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้มาก และผู้บริหารยังประเมินต้นทุนสาหร่ายในช่วงก่อนหน้าไว้ ต่ำกว่าข้อมูลที่ออกมาจริง
  
บล.กสิกรไทย กล่าวว่า กำไร TKN ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ถึง 26.6% สาเหตุหลักจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM )ที่ต่ำกว่าคาด และยังมีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 11 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/60 ที่ 31.7% ลดลงจาก 34.5% ในไตรมาส 1/60 และ 35.2% ในไตรมาส 2/59 สาเหตุหลักมาจากราคาต้นทุนสาหร่ายที่สูงกว่าคาด โดยต้นทุนสาหร่ายปรับขึ้นถึง 20% จากปีก่อน และสูงกว่าที่ผู้บริหารได้คาดการณ์ไว้ในงาน opportunity day ที่ 5-7% แต่ยังคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายกลางปี 61 ที่ 16.70 บาท และอยู่ในช่วงทบทวนประมาณการ
  
เช่นเดียวกับ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ที่เตรียมประมาณการอีกครั้ง หลังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร ในการประชุมนักวิเคราะห์ วันที่ 18 ส.ค. นี้ แต่ขณะนี้จะยังคงประมาณการ คําแนะนํา และราคาพื้นฐานไว้ก่อนที่ 27 บาท พร้อมคำแนะนำซื้อ

สิ่งที่นักลงทุนต้องหาคำตอบ คือ แผนการกระจายรายได้ของ TKN เพราะต้องยอมรับว่ารายได้หลักของ TKN มาจากขนมขบเคี้ยวสาหร่าย แม้จะออกสินค้าใหม่แต่ก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนในอดีต บ่งบอกว่าตลาดสาหร่ายกำลังอิ่มตัวหรือไม่ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีตัวเลือกในการเลือกกินขนม ความนิยมสาหร่ายที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ ยังเป็นคำถามท้าทายทีมผู้บริหารว่าจะมีกลยุทธ์ในการเรียกความเชื่อมั่นและสร้างกำไรให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างไร

แต่อย่าลืมว่า นักลงทุนผู้ถือหุ้น TKN กำลังเจ็บปวดกับราคาหุ้นที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง การประกาศผลประกอบการอาจจะใช้เวลา 3 เดือน แต่ราคาหุ้นมีแรงเหวี่ยงทุกๆวัน หรืออาจจะเป็นเพราะว่า TKN อาจจะกำลังกลับเข้าสู่มูลค่ายุติธรรมอย่างที่มันควรจะเป็น ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ นักลงทุนอาจจะได้เรียนรู้ว่า "ปลายทางความคาดหวังของฝูงชน คือการขาดทุน" คำพูดของเซียนหุ้นใครคนหนึ่งได้กล่าวไว้อาจจะต้องนำมาตระหนักกันอีกครั้ง

-----------------------------------------------------------
-
คนเล่นหุ้น -


คนเล่นหุ้น