ห้องเม่าปีกเหล็ก

ชาวจีนนิยมเลี้ยงหมา-แมวเพิ่ม ดันตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง โต 7.5%

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
28 views

“พาณิชย์” เผย ชาวจีนนิยมเลี้ยงหมา-แมวเพิ่ม ดันตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง  โต 7.5%

 

 

  • ชาวจีนนิยมเลี้ยงหมา-แมวเพิ่มขึ้น
  • อาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดจีนเฉลี่ยในช่วง 3 ปีตั้งแต่ปี 2013-2024 ตลาดนี้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่ 22.4%
  • ปี67 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีน มีมูลค่า 41,900 ล้านดอลลาร์  โต 7.5%
  • พาณิชย์แนะผู้ประกอบการไทยเข้มเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ส่วนการทำตลาด ใช้ช่องทางออนไลน์มาช่วย

“อาหารสัตว์เลี้ยง” ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการของผู้เลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น จากข้อมูลสถาบันอาหาร ระบุว่า ในปี 2567  อาหารสัตว์เลี้ยง เติบโตถึง 30.5% และยังมีแนวโน้มขยายตัวเนื่องจากพฤติกรรมของคนที่มองว่า “สัตว์เลี้ยง”เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ทำให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในกลุ่มอาหารสุขภาพและโภชนาการของสัตว์เลี้ยงเติบโตแบบก้าวกระโดด ในปี 2568  

โดยการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงมีแรงขับเคลื่อนจากแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ สินค้าพรีเมียมและฟังก์ชันนัลเพิ่มมากขึ้น ตลาดที่มีแนวโน้มดี เช่น จีน อินเดีย ที่จะเติบโตได้ในระยะยาว

เมื่อโฟกัส”ตลาดสัตว์เลี้ยง” พบว่า "จีน"เป็นในตลาดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงสำคัญของไทย โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยข้อมูลว่า  ว่า ในปี 2024 ตลาดผู้บริโภคสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ในจีนมีมูลค่าสูงถึง 41,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.5% โดยตลาดของสุนัข เพิ่มขึ้น 4.6% และตลาดแมว เพิ่มขึ้น 10.7%

อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง คิดเป็นสัดส่วน 52.8% ของการบริโภคทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงใน  ปี 2024 ซึ่งยังคงเป็นซัปพลายเออร์อาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ที่สุดในจีน ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 69% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวจีนยังคงนิยมอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมจากสหรัฐ

สำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงอาหารแห้ง อาหารกึ่งชื้น ขนม และอาหารเสริม มีสัดส่วนเฉลี่ย 56.1% ของโครงสร้างตลาด และเฉพาะปี 2024 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีมูลค่า 22,200 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น 9.2% แต่ถ้าดูตั้งแต่ปี 2013-2024 ตลาดนี้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่ 22.4%

นอกจากนี้ ยังพบว่า ในปี 2023 เจ้าของสัตว์เลี้ยงในจีนมีจำนวนถึง 106 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากเมือง First Tier City และ Third Tier City ลงไป สัดส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเมือง First Tier City อยู่ที่ 29% ขณะที่ในเมือง Third Tier City ลงไปอยู่ที่ 30% โดยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองที่มีสัดส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขสูงที่สุด

ขณะที่กว่างโจวและปักกิ่ง มีสัดส่วนเจ้าของแมวสูงที่สุด และจำนวนสัตว์เลี้ยงทั้งหมดในจีน ในปี 2024 อยู่ที่ 124.1 ล้านตัว โดยหลัก ๆ แบ่งเป็นแมว 71.5 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 2.5% และสุนัข 52.6 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 1.6%

ส่วนการบริโภคอาหารสัตว์ พบว่า การบริโภคอาหารแมวเริ่มมีจำนวนมากกว่าอาหารสุนัข สะท้อนว่าผู้บริโภคจีนให้ความนิยมกับการเลี้ยงแมวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมองว่าแมวต้องการการดูแลกลางแจ้งน้อยกว่าและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในเมือง ซึ่งต้องเผชิญข้อจำกัดด้านเวลาทำงานและพื้นที่อยู่อาศัย และความนิยมอาหารสัตว์ กลุ่มเจ้าของสุนัข นิยมอาหารแห้งอบ อาหารแช่แข็ง และอาหารสดเพิ่มขึ้น และกลุ่มเจ้าของแมวนิยมอาหารแห้งอบ และอาหารสด เพิ่มขึ้น

ขณะที่ความนิยมในอาหารแช่แข็ง และอาหารที่ผ่านการอัดขึ้นรูป ลดลง โดยผู้บริโภคได้พัฒนาไปสองขั้ว คือ ตลาดอาหารสัตว์ระดับพรีเมียม เพราะตระหนักถึงโภชนาการและสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และราคาประหยัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์ แต่ยังต้องการอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งนิยมซื้ออาหารสัตว์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เช่น Taobao , Tmall และ JD.com แต่ TikTok ก็มีอัตราการเติบโตมากขึ้น

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า    จากแนวโน้มการเติบโตของผู้เลี้ยงสัตว์ และตลาดอาหารสัตว์ในจีนดังกล่าว ถือเป็นโอกาสดีของผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ทั้งการเจาะกลุ่มอาหารสัตว์พรีเมียม หรือกลุ่มอาหารสัตว์ราคาประหยัด โดยต้องพัฒนานวัตกรรมการผลิตและมาตรฐานของสินค้าให้ตอบสนองความต้องการ ซึ่งมั่นใจว่าจะขยายตลาดได้เพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบัน ไทยส่งออกอาหารสัตว์ไปจีนติด Top 3 และยังเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี

โดยผู้ประกอบการนอกจากผลิตสินค้าให้ดี มีมาตรฐานแล้ว ควรพิจารณากลยุทธ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับคุณภาพสินค้าในกลุ่มราคาประหยัด หรือการเน้นเรื่องความแตกต่างในตลาดพรีเมียม และใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำตลาด ก็จะทำให้ขยายการส่งออกได้มากขึ้น

 

ทีมา  https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1167838

 


คเณชา