ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับตาอนาคตโลตัส หลังศาลตัดสิน จะเปลี่ยนมืออีกหรือไม่

โดย Toddler
เผยแพร่ :
58 views

เทสโก้โลตัสไฮเปอร์มาร์เก็ต และ บิ๊กซี เป็นห้างค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคที่ครองใจลูกค้ามากที่สุด จากการสำรวจดัชนีวัดความพึงพอใจต่อกลุ่มห้างค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคไทย (Grocery RPI) ประจำปี 2563 โดย “ดันน์ฮัมบี้” (DUNNHUMBY) ผู้ให้บริการด้านวิทยาการข้อมูลลูกค้า ซึ่งกลุ่มตัวอย่างเกินครึ่งจาก 2,300 คน เลือกไปจับจ่ายใช้สอยที่ทั้งสองห้างนี้บ่อยที่สุด   

 

 

ในขณะที่การเปลี่ยนผ่านจากเทสโก้โลตัสของอังกฤษสู่โลตัสของไทย ภายใต้การบริหารงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี กำลังเป็นไปด้วยดี โดยมีการวางแผนไว้แต่แรกว่าจะให้โลตัสเป็นกลไกในการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรและสินค้าจากเอสเอ็มอีไทย ได้ออกไปวางขายยังตลาดต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายของซีพีที่มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะโลตัส ในจีน ที่จะเป็นตลาดใหญ่ เพราะชาวจีนชื่นชอบผลไม้ อาหาร และสินค้าไทย

 

แต่แผนดังกล่าวอาจจะประสบปัญหาใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้ เพราะปัจจุบันเครือข่ายมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีมติอนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่างบริษัท ซี.พี.รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ และบริษัท เทสโก้ สโตร์ ได้ โดยอ้างว่าไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งล่าสุดสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ และกำลังรวบรวมข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาในการทำคำวินิจฉัยต่อไป

 

ว่ากันตามจริง ดีลนี้เป็นดีลที่ใหญ่เอามาก ๆ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท มีการจ่ายเงินกันไปเรียบร้อยแล้ว และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการที่ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลในการพิจารณาอย่างละเอียดยิบแล้ว ดังนั้น ศาลปกครองหรือใครจะตัดสินให้ล้มดีลคงต้องคิดหนัก เพราะจะมีผลเสียหายตามมาไม่น้อย ขนาดฝ่ายผู้ฟ้องร้องเอง วันก่อนเห็นให้สัมภาษณ์รายการหนึ่ง ตอบคำถามทำนองรู้อยู่แก่ใจว่าโอกาสชนะเป็นไปได้น้อย แต่ก็ต้องทำไปตามบทบาทหน้าที่

 

แต่เราลองมาคิดกันเล่น ๆ ว่า ถ้ามีอะไรที่ผลักดันให้ศาลปกครองตัดสินตามข้างผู้ฟ้องร้อง ให้ดีลยุติลง ก็คงเป็นเรื่องที่ช็อคโลกเอามาก ๆ เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบตามมามากมายไม่รู้จบ ใครจะรับผิดชอบความสูญเสียของเอกชนที่เขาลงทุนไป แล้วยังถือว่าประเทศไทยเสียโอกาสทางการค้าการลงทุนไปไม่น้อย จีดีพีที่ตกต่ำอยู่แล้ว คงจะร่วงพับลงไปอีก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องคงต้องพังพะงาบ ๆ กันอีกเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ รายทีเดียว ไม่นับรวมตลาดแรงงานที่จะมียอดผู้ได้รับผลกระทบสูงปรี๊ดขึ้นไปอีก บลา ๆ ๆ

 

แล้วถ้าสมมุติว่า ศาลตัดสินให้ซีพีต้องยอมปล่อยโลตัสออกจากอก โดยเปิดทางให้ผู้ประกอบการรายอื่นมาซื้อไป ถามว่าจะมีใครบ้างที่มีความเป็นไปได้ในการมารับช่วงต่อ มีโอกาสที่ต่างชาติจะกล้าหรือสนใจเข้ามาซื้ออีกหรือไม่ เพราะได้เห็นตัวอย่างหลายกรณีแล้วว่า การบริหารงานห้างค้าปลีกเมืองไทยโดยต่างชาติ ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส สยามจัสโก้ของญี่ปุ่น หรือแม้แต่เทสโก้ของอังกฤษ ต่างไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ถ้าจะมีต่างชาติสักรายเข้ามาซื้อไป ก็น่าจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมากพอสมควร โดยมีแนวโน้มว่าจะปรับเปลี่ยนไปเน้นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่กำลังเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้น ห้างค้าปลีกอื่น ๆ ในไทยก็คงจะยิ่งต้องรับศึกหนักกว่าเดิม และในด้านผลประโยชน์ที่จะตกต่อผู้ประกอบการไทยรายย่อย อย่างที่กลุ่มผู้ฟ้องร้องต้องการ ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้

 

แล้วถ้าให้เป็นคนไทยมาซื้อกันเอง โชห่วย ผู้ประกอบการรายย่อยจะดีขึ้นจริงหรือไม่ ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้เช่นกัน เพราะเอาเข้าจริง ความอยู่รอดของโชห่วยหรือผู้ประกอบการรายย่อย ก็มีหลายองค์ประกอบ ยิ่งในยุคปัจจุบัน สภาวะนิวนอร์มัลกระตุ้นตลาดค้าปลีกออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างมาก ผู้ประกอบการค้าปลีกแบบเดิมที่มีหน้าร้าน ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงและยากลำบากขึ้น ศัตรูที่แท้จริงของผู้ประกอบการค้าปลีกรายเล็กจึงไม่น่าจะใช่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ซะทีเดียว แต่เป็นการค้าปลีกออนไลน์ ที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมผู้บริโภคให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ความอยู่รอดของผู้ประกอบการค้าปลีกไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่จึงอยู่ที่การปรับตัวเป็นสำคัญ ซึ่งคำว่าปรับตัวก็มีองค์ประกอบมากมายอยู่ในนั้นอีกเช่นกัน

 

อยากคิดเล่น ๆ ต่อไปอีกว่า ถ้าไม่ใช่ต่างชาติมาซื้อโลตัสไป แล้วคนในกันเอง ยังมีใครที่น่าจะอยากได้โลตัสไปครอบครองอีก ในยุคที่ค้าปลีกแบบมีหน้าร้านอนาคตสั้นลงทุกวันอย่างนี้ ถ้าอิงจากการประมูลที่ผ่านมา ตอนยื่นประมูลซื้อเทสโก้โลตัส ก็มีกลุ่มทีซีซี ของเสี่ยเจริญ เจ้าของบิ๊กซี ที่แสดงความสนใจอยู่ แต่มาถึงตอนนี้ เชื่อว่ากลุ่มทีซีซีน่าจะไม่อยากได้โลตัสไปครองแล้ว เพราะจะเกิดปัญหาซ้ำรอยกับที่ซีพีกำลังเจออยู่ตอนนี้ เพราะบิ๊กซีกับโลตัสอยู่ในตลาดกลุ่มเดียวกัน ถ้ารวมกัน ส่วนแบ่งก็จะใหญ่มาก จำนวนคู่แข่งในตลาดก็หายไปด้วย กลายเป็นเจ้าเดียวในตลาดไปเลย ทีซีซีคงไม่อยากเจอปัญหาใหญ่เกินไปซ้ำรอยกันอีก แต่ถ้าซื้อได้ไปแล้ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบ เพื่อเลี่ยงความใหญ่เกินเหตุก็อาจจะมีความเป็นไปได้อยู่ แต่ที่สุดแล้วทีซีซีน่าจะสนใจไปโฟกัสการลงทุนในตลาดต่างประเทศที่มีโอกาสเติบโตได้ดีกว่า

 

 

 

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งมีห้างสรรพสินค้า Central, ซูเปอร์มาร์เก็ต Tops, Tops Daily, ร้านสะดวกซื้อ FamilyMart ก็อาจจะอยากได้ไฮเปอร์มาร์เก็ต Lotus ของซีพี เข้าไปเติมเต็มในพอร์ตธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มตนเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งถ้าได้ไปจริง ๆ ก็จะได้เข้าวงการกินรวบอีกหนึ่งราย เพราะจะกินรวบธุรกิจห้างค้าปลีกทุกประเภทในเมืองไทยไว้ในมือ แล้วอย่างนี้เครือข่ายผู้ฟ้องร้องจะยอมปล่อยให้โลตัสไปอยู่ในมือกลุ่มเซ็นทรัลสบาย ๆ หรือไม่ หรือจะมองว่าส่วนแบ่งตลาดเล็กน้อย ปล่อยไปแล้วกัน

 

แต่จะว่าไปแล้ว หากกลุ่มเซ็นทรัลได้ไฮเปอร์มาร์เก็ต Lotus ไปครอบครองจริง ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะจะทำให้กระเถิบขึ้นเป็นเบอร์สองในตลาดห้างค้าปลีกได้เลย จากตอนนี้ที่ FamilyMart เป็นรอง 7-11 ชนิดไม่เห็นฝุ่น ก็จะได้ส่วนแบ่งตลาดของ Lotus Express เข้ามาเติม สามารถไล่บี้ 7-11 ได้ไม่ยากนัก และมี Lotus ไฮเปอร์มาร์เก็ต ขึ้นมาเป็นคู่แข่งเทียบชั้นบิ๊กซีอีก หูย ดูดีมีสกุลขึ้นมาเลยทีเดียว

 

อะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ศาลจะได้ตัดสินอย่างไร ความพยายามของมือที่มองเห็นและมองไม่เห็นที่กำลังทำให้โลตัสหลุดออกจากซีพี โดยเอาผลประโยชน์ผู้บริโภคบังหน้า ผู้ประกอบการรายย่อยเป็นตัวประกันจะเป็นไปได้หรือไม่ แค่ไหน เป็นเรื่องที่น่าจับตาทีเดียว  

 

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากกรุงเทพธุรกิจ และสื่อต่าง ๆ

 

 

 


Toddler