ห้องเม่าปีกเหล็ก

MAJOR ราคาหุ้นปรับตัวล่าช้ากว่าการฟื้นตัวของกำไร

โดย น้ำพริกปลาทู
เผยแพร่ :
29 views

MAJOR ราคาหุ้นปรับตัวล่าช้ากว่าการฟื้นตัวของกำไร

 

มีอะไรใหม่?

ประการแรก รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศจากภาพยนตร์ 5 เรื่องที่ทำเงินสูงสุดของ MAJOR ในช่วง 10 สัปดาห์แรกของไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ประมาณ 580 ลบ. สูงกว่ารายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั้งไตรมาสปีที่แล้วที่ 366 ลบ. และสูงกว่ารายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั้งไตรมาส 2/2568 ที่ 455 ลบ.

ประการที่สอง ราคาตั๋วเฉลี่ยในไตรมาส 3/2568 น่าจะแข็งแกร่งเช่นกันเนื่องจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดทำผลงานได้ดี

ประการที่สาม รายได้จากโฆษณาในโรงภาพยนตร์น่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ตามจำนวนผู้ชมภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้นและการเลื่อนงบประมาณบางส่วนของลูกค้าจากไตรมาส 2/2568

 

ประการที่สี่ ผู้บริหารได้ปรับลดเป้าหมายจำนวนตั๋วปี 2568 จาก 40 ล้านใบ เหลือ 30 ล้านใบ เทียบกับจำนวนตั๋วในครึ่งแรกปี 2568 ที่ 11 ล้านใบ และจำนวนตั๋วในปี 2567 ที่ 30 ล้านใบ

สุดท้าย ผู้บริหารมั่นใจว่ารายได้โฆษณาในโรงภาพยนตร์ปี 2568 จะสามารถรักษาระดับได้จากปีก่อน (966 ลบ.) แม้ว่ารายได้โฆษณาครึ่งแรกปี 2568 จะอยู่ที่เพียง 382 ลบ. โดยได้แรงหนุนจากไลน์อัปภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งขึ้น

 

แนวโน้ม

ตามข้อมูลของ MAJOR ภาพยนตร์ฮอลลีวูด 3 เรื่องที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงเวลาปัจจุบัน ได้แก่ จูราสสิค เวิลด์ ซึ่งทำรายได้ 198 ลบ., ดาบพิฆาตอสูร (198 ลบ.) และ ซุปเปอร์แมน (64 ลบ.) เทียบกับรายได้รวมของภาพยนตร์ฮอลลีวูด 3 เรื่องในไตรมาส 3/2567 ที่ 238 ลบ. ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ไทย 3 เรื่องที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงเวลาปัจจุบัน ได้แก่ คายอ้อ (62 ลบ.), นากรักมาก ม๊ากมาก (30 ลบ.) และ ท่าแร่ (23 ลบ.) เทียบกับรายได้ภาพยนตร์ไทยปีก่อนที่ 67 ลบ. เราคาดว่าแนวโน้มรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศจะส่งผลต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4/2568 เนื่องจากไลน์อัปภาพยนตร์ฮอลลีวูดและภาพยนตร์ไทยดูมีแนวโน้มที่ดี เช่น อวตาร, Tee Yod 3, ธี่หยด 3, อนงค์ และอีเรียมซิ่ง 2

 

มุมมองของเรา

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MAJOR จากการอัปเดตข้อมูล ประการแรก รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/2568 น่าจะช่วยคลายความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการบริโภคภาพยนตร์ที่อาจชะลอตัวภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประการที่สอง สิ่งนี้ยังตอกย้ำว่าการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ในโรงอาจอ่อนแอกว่าในอดีตแต่ยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่สตูดิโอภาพยนตร์ต้องใช้เพื่อสร้างรายได้จากการลงทุนในเนื้อหาภาพยนตร์ให้ได้มากที่สุด สุดท้าย การปรับลดจำนวนตั๋วเหลือ 30 ล้านใบ (จาก 40 ล้านใบ) สอดคล้องกับที่เราคาด

 

 


น้ำพริกปลาทู