-------------------------------------------------------
บทความตอนที่ผ่านๆ มาอ่านได้จาก: http://www.chiangmaifx.com/price-patterns.html
www.facebook.com/275391639215535/photos/pcb.1603468543074498/1603467323074620/
-------------------------------------------------------
- การใช้รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนกราฟ, กรณีศึกษาสำหรับรูปแบบราคาทุกประเภท
(Using Rectangles, a Case Study for All Patterns)
ในบทนี้จะอธิบายถึงหลักการพื้นฐานของการตีความรูปแบบราคา (price pattern) ที่สามารถนำไปใช้ร่วมกับการฟอร์มตัวของรูปแบบราคาอื่นได้เป็นส่วนใหญ่ โดยในบทนี้เราได้เลือกรูปแบบราคาประเภทรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า rectangle มาใช้เป็นตัวอย่าง ส่วนรูปแบบอื่นเราค่อยไปดูรายละเอียดในบทต่อไป
เอาล่ะ ที่นี่เราจะมาดูในรายละเอียดกัน
แนวคิดพื้นฐาน
แนวโน้มราคาไม่ได้มีลักษณะการกลับตัวแบบระยะสั้นๆ ใช้พื้นที่ขนาดเล็กหรือ reverse on a dime เสมอไป แต่จะมีลักษณะเป็นการขึ้นแล้วก็ลง หรือเป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้วกลับเป็นแนวโน้มขาลงซึ่งมักแยกออกได้ด้วย transition period หรือ trading range ที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะได้รับการจับคู่กันอย่างเท่าเทียม
จากแนวโน้มราคาทั้ง 2 แบบ ตามรูปที่ 6-1 และ 6-2 โดยรูปที่ 6-1 เป็นวัฏจักรแนวโน้มทั่วๆ ไปซึ่งประกอบด้วยแนวโน้มหลักอยู่สามแบบ คือแนวโน้มขาขึ้น uptrend, แนวโน้มไปทางด้านข้าง sideway และแนวโน้มขาลง downtrend แล้วยังมีแนวโน้มที่พัฒนาเพิ่มขึ้นอีก 2 แบบ คือ horizontal trading range และ renewed uptrend ส่วนรูปที่ 6-2 เป็นแนวโน้มที่มีอารมณ์ของตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องในระดับสูงซึ่งจะไม่มีการส่งสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงใดล่วงหน้า นี่เป็นข้อยกเว้น เนื่องจากแนวโน้มส่วนใหญ่จะถูกแยกด้วยรูปแบบของ trading range และการกลับตัวของแนวโน้มในตลาดการเงินก็เหมือนกับเรือบรรทุกน้ำมันที่ต้องใช้เวลานานในการชะลอตัวก่อนจะหันเรือกลับได้ ซึ่งโดยทั่วไปยิ่งเป็นแนวโน้มในระยะยาวขึ้นก็ยิ่งใช้เวลาในการกลับตัวมากขึ้น (วกกลับ)
รูปที่ 6-1 การกลับตัวแบบ Top-and-bottom
รูปที่ 6-2 การกลับตัวแบบ Reversal on a dime.
ช่วงระยะ transitional หรือ horizontal มีความสำคัญมากเนื่องจากเป็นการแยกระหว่างแนวโน้มที่กำลังขึ้น/ลง (หรือในทางกลับกัน) หากราคาสูงขึ้น ความกระตือรือร้นของผู้ซื้อจะให้น้ำหนักมากกว่ากับการมองโลกในแง่ร้ายของผู้ขายที่ขึ้นราคามาจนถึงจุดนี้และผู้ซื้อก็จะเสนอซื้อในราคาที่สูงขึ้น ในระหว่าง ช่วงระยะ transitional จะมีการต่อสู้ระหว่างการมองโลกในแง่ดีกับแง่ร้ายพอประมาณ จนกระทั่งในตอนสุดท้าย แนวโน้มก็จะเอียงไปในทิศทางใหม่เมื่อมีน้ำหนักจากแรงเทขายกดให้แนวโน้ม (ราคา) ลดลงจนทะลุแนวรับไปยัง new low ของพื้นฐาน transitional ใหม่ เป็นการเตือนนักลงทุนว่าการกลับตัวของแนวโน้มได้เกิดขึ้นแล้ว หรือกล่าวได้ว่า เมื่อราคาตกลงมาต่ำกว่ากรอบด้านล่างของ trading range ก็จะเกิดสัญญาณขาย และกระบวนการกลับตัวก็จะเกิดขึ้น ณ จุดสิ้นสุดแนวโน้มของตลาดหมี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เชิงเทคนิคสังเกตว่าพฤติกรรมของ trading range ที่ทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดเกิดขึ้นในรูปแบบราคาหรือการฟอร์มตัวของราคาที่แน่นอนได้อย่างชัดเจน
Transitional ของจุดกลับตัว (Turning Point)
รูปที่ 6-3 แสดงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาที่ปลายแนวโน้มขาขึ้นอันยาวนาน แม้ว่าจะปรากฏขึ้นเฉพาะหลังจากที่ราคาเริ่มผันผวนไปทาง sideway ก็ตาม แต่ทันทีที่ราคาขึ้นไปอยู่เหนือเส้น B ก็จะถือว่ามันอยู่ในเขต transitional แล้ว
รูปที่ 6-3 การกลับตัวใน Trading range
เมื่อเส้นราคาตกไปอยู่ใน trading range มันก็จะไต่ระดับขึ้นไปจนถึงเส้น A (เรายังบอกไม่ได้ว่ามันเป็นแนวต้านในตอนแรก) เมื่อเส้นราคาได้ตกลงมาแล้วกลับขึ้นไปใหม่จนถึงระดับที่ A ซึ่งเป็นระดับสูงสุดก่อนหน้านั้นอีกครั้ง นี่ถือว่าเป็นหลักฐานยืนยันว่าระดับของเส้น A นี้แหละเป็นแนวต้าน จากนั้นเราก็สามารถลากเส้นแนวโน้มตามขวางให้เป็นแนวต้านได้ และเช่นเดียวกันเราก็สามารถลากเส้นแนวรับด้วยวิธีการเดียวกันนี้ที่ระดับของ B ถ้าเราพบว่าเส้นราคาตกลงมาสู่ระดับ B เป็นครั้งที่สองก่อนที่จะไต่ขึ้นไปใหม่ ซึ่งเราจะได้เส้นแนวโน้มตามขวางที่เป็นแนวรับ ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์ / อุปทานจะเข้าสู่ความสมดุลที่ผู้ขายได้ประโยชน์ในทุกครั้งที่ราคาแตะที่เส้น A และการกลับตัวของราคาชั่วคราวนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากทั้งผู้ซื้อไม่อยากซื้อที่ราคานี้ หรือผู้ขายไม่อยากขายที่ราคานี้เพราะอยากขายที่ราคาสูงกว่า หรือจะเพราะเหตุผลทั้งสองอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
------ จบบทความแปล Price Pattern ตอนที่ 12 ,www.chiangmaiFX.com ------