ห้องเม่าปีกเหล็ก

5 ข้อควรระวังก่อนซื้อหุ้น IPO

โดย Edrink
เผยแพร่ :
65 views
5 ข้อควรระวังก่อนซื้อหุ้น IPO
 
 
 
.
ล่าสุด หุ้น IPO กลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง หลังเมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.65) หุ้น TEKA เพิ่งเข้าซื้อ - ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นครั้งแรก พร้อมกับให้ผลตอบแทนสูงราว 43.47% ถ้าเทียบจากราคา IPO กับ ราคาเปิดซื้อ - ขายวันแรก
.
อย่างไรก็ตาม หลังจาก TEKA แจกกำไรในช่วงเช้าไปแล้ว ราคาหุ้น TEKA กลับมาปิดซื้อ - ขายวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยราคา 4.94 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นระดับราคา ที่ต่ำกว่าราคาเปิด ณ ช่วงเช้าถึง 25% เลยทีเดียว
.
ซึ่งถ้าเราอ้างอิงราคาปิดซื้อ - ขาย วันแรกของหุ้น TEKA หรือหุ้น IPO ตัวก่อนหน้า ก็จะพบว่า มีหุ้น IPO จำนวนไม่น้อย ที่หลังจากแจกกำไรให้นักลงทุนที่จองหุ้น IPO ในช่วงเช้าไปแล้ว กลับมาเชือดคืนในช่วงเย็นวันนั้นเลย เพราะราคาหุ้นกลับมาปิดต่ำกว่าราคาเปิดซื้อ - ขาย วันแรก หรือ บางตัวอาจปิดต่ำกว่าราคาจองก็มี
.
จากปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้นักลงทุนมือใหม่หลายคน ที่จองซื้อหุ้น IPO ไม่ทัน เกิดคำถามว่า ถ้าเราซื้อหุ้น IPO หลังจากผ่านราคาเปิดซื้อ - ขายวันแรกไปแล้ว หุ้นจะยังมีความน่าสนใจอยู่หรือไม่ ? และ จะต้องมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง ถ้าไม่อยากติดดอย ! แอดจึงขออาสานำข้อมูลดีๆมาแบ่งปันทุกคนในวันนี้เลยแล้วกัน
.
โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แนะนำ 5 ข้อควรระวัง เกี่ยวกับการซื้อหุ้น IPO ที่เราควรรู้ไว้ ถ้าไม่อยากติดดอยไว้ดังนี้
.
1.อย่าซื้อหุ้น IPO โดยไม่รู้จักหุ้น : ตลาดหลักทรัพย์ฯระบุว่า หลักการเริ่มต้นซื้อหุ้น IPO ก็เหมือนหุ้นทั่วๆไป คือ อย่าเข้าไปซื้อโดยที่ไม่รู้จักบริษัทนั้นดีพอ หรือ ซื้อเพียงเพราะได้ชื่อว่าเป็นหุ้น IPO ก็อาจจะทำให้คาดว่า จะได้กำไรสูงในระยะถัดไป โดยหลักคิดแบบนี้ ถือว่า เป็นความเสี่ยงต่อการเข้าลงทุนอย่างมาก
.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะนำว่า ก่อนจะเข้าซื้อหุ้น IPO ทุกครั้ง เราก็ยังต้องติดตามข้อมูลข่าวสารของหุ้น IPO ตัวนั้นๆอย่างละเอียดเสียก่อน โดยข้อมูลเบื้องต้นที่ควรรู้เลย คือ เขาประกอบธุรกิจอะไร, ลูกค้าหลักคือใคร, ความจำเป็นของสินค้าที่ขายอยู่ที่ระดับไหน อุตสาหกรรมยังเติบโตต่อได้หรือไม่ รวมถึง ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 - 5 ปี โดดเด่นแค่ไหน เป็นต้น
.
2. ประเมินมูลค่าที่แท้จริงให้ออก : การพิจารณาหามูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนั้น เบื้องต้นมือใหม่อาจใช้วิธีอ้างอิงราคาเหมาะสมของโบรกเกอร์ต่างๆก่อน เพราะโดยปกติถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัทที่จะขายหุ้น IPO เราก็ย่อมอยากได้เงินจำนวนมากเหมือนกันถูกมั้ย ?
.
จากความต้องการในส่วนนี้นี่แหละ ทำให้โบรกเกอร์หลายแห่งมองว่า ราคาจองซื้อหุ้น IPO ยุคนี้ ส่วนใหญ่มักจะขายกันแพงกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเมื่อราคาจองซื้อว่าขายแพงแล้ว พอหุ้นเข้ามาซื้อ - ขายวันแรก ก็จะยิ่งมีแรงเก็งกำไรขึ้นไปอีก ลองคิดดูเล่นๆ ว่ามันจะแพงขึ้นอีกสักแค่ไหน ?
.
แต่พอราคาหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯสักพักแล้ว ราคาหุ้นของบริษัทนั้นๆ ก็จะวิ่งกลับไปสู่พื้นฐานที่แท้จริง และก็จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบดังกล่าว ในกรณีที่ไม่มีปัจจัยบวก หรือ ลบใหม่ๆ มาส่งผลต่อราคาหุ้น ซึ่งถ้าเราพลาดไปซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาแตะขอบฟ้าไปแล้ว ยามเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลงหามูลค่าที่แท้จริง ก็เป็นเรื่องยากที่ราคาหุ้นจะกลับไปสู่จุดเดิมที่เราเคยซื้อเอาไว้นั่นเอง
.
3.หุ้น IPO เข้ามาในตลาดหุ้นเพื่ออะไร ? : วัตถุประสงค์การเข้ามายังตลาดหุ้น ก็พอจะบอกได้กลายๆเหมือนกันว่าหุ้นตัวนี้ พอจะเติบโตต่อไปได้หรือไม่ในระยะยาว ซึ่งการพิจารณาในส่วนนี้ เราอาจวัดได้จาก วัตถุประสงค์ของการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจได้เหมือนกัน
.
สำหรับบริษัทที่มีวัตถุประสงค์เข้ามาในตลาดหุ้น เพื่อต้องการระดมทุนไปชำระหนี้ หรือล้างขาดทุนสะสม ประกอบกับ เป็นกิจการที่อิ่มตัวไปแล้ว และไม่สามารถฉายภาพการเติบโตในอนาคตให้เราเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม หรือ สมเหตุสมผล หุ้นประเภทนี้ ก็มีความอันตรายที่เราอาจต้องหลีกเลี่ยงเหมือนกัน
.
4.เลี่ยงหุ้น IPO ที่เอาเปรียบนักลงทุน : ในข้อนี้มีจุดสังเกต คือ ดูพฤติกรรมของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ว่ามีการขายหุ้นออกมาอย่างหนักตั้งแต่วันแรก หรือช่วงแรกของการเข้าซื้อ - ขายในตลาดหุ้น ทั้งที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับสูงหรือไม่ ? ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถือว่า จะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหุ้นมาก
.
หรือในบางกรณี อาจมีการจ่ายเงินปันผลออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะกระจายหุ้นแบ่งให้คนอื่นมาร่วมถือหุ้นด้วย ซึ่งถ้าเราพบว่าหุ้น IPO ที่เรากำลังจะเข้าไปลงทุน เคยมีพฤติกรรมคล้ายๆแบบนี้ ก็ให้กาหัวไปได้เลยว่า หุ้นดังกล่าวคงไม่ใช่หุ้นที่ดี และ ควรมองหาหุ้น IPO ตัวใหม่ดีกว่า
.
5. หุ้น IPO เหลือ ได้มาง่าย ย่อมน่าสงสัย : โดยปกติหุ้น IPO จะมีอยู่อย่างจำกัด และ จองซื้อค่อนข้างยาก แต่หากพบว่าหุ้น IPO ตัวใด ที่มีโควต้าเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และ หลุดมาถึงเราง่ายๆ ก็ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ได้เลยว่า อาจจะเป็นหุ้นที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร จึงทำให้ไม่มีความต้องการซื้อ ทำให้หุ้น IPO เหลือเยอะ
.
เหตุผลดังกล่าวอาจเป็นเพราะ ราคาเสนอขายหุ้น IPO อาจมีมูลค่าที่สูงจนเกินไป เมื่อเทียบกับศักยภาพของบริษัท หรือ อาจจะเป็นเพราะการระดมทุนครั้งนั้น อาจจะมีจำนวนมากจนเกินความพอดีนั่นเอง
.
และทั้งหมดนี้ คือ ข้อควรระวังก่อนเข้าซื้อหุ้น IPO ที่แอดหยิบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯมาแบ่งปันทุกคนในวันนี้เนอะ หวังว่า เมื่อทุกคนได้อ่านบทความชิ้นนี้แล้ว จะเป็นประโยชน์กับทุกคนบ้างไม่มากก็น้อย ส่วนวันนี้ไปก่อนแล้ว บ๊าย บายยยยย !????????
 
 

Edrink