โพยหุ้น สุดยอดหุ้นเด่นน่าสะสมในเดือนมิ.ย. กับ 6 ธีมการลงทุนที่ต้องรู้
กำลังจะหมดรอบการดำเนินธุรกิจของงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 กันแล้ว นักลงทุนเป็นอย่างไรกันบ้าง เชื่อว่าหลายๆคนคงทำการบ้านกันอย่างหนักแน่นพอสมควร เพราะ 5 เดือนที่ผ่านมานั้น กระอักเลือกกันเหลือเกิน ดังนั้นในงวดเดือนสุดของของครึ่งปีแรก เราจะไปในทิศทางไหนต่อ หุ้นกลุ่มไหนน่าสะสม Wealthy Thai นำมาฝากนักลงทุนอีกแล้ว
วันนี้เรามีมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาประเมินไว้อย่างน่าสนใจว่า ปัจจัยเสี่ยงหลักในช่วงครึ่งหลังปีนี้ แนะนำให้ใช้จังหวะที่หุ้นฟื้นตัว ในการลดพอร์ตจาก upside ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัย และปัจจัยลบจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวของ FED รวมทั้งการปรับลดประมาณการกำไรลง
ทั้งนี้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมันและอาหารที่สูงผลจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักลงจากนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ของจีน และราคาของภาคบริการที่สูงขึ้นจากอุปสงค์ที่อั้นไว้หลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด-19
โดยมองว่าการที่ FED จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุลจะเพิ่มความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเป็นแรงกดดันต่อมูลค่าหุ้นซึ่งอาจทำให้นักลงทุนขาดทุนจากราคาสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวลง หากจีนตัดสินใจที่จะเดิมพันด้วยวัคซีน mRNA ของตัวเอง และคงนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ คาดว่าจีนอาจต้องเลื่อนเปิดประเทศออกไปจากคาดการณ์ของตลาดคือในไตรมาส 4/2565 อีก 2 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ พัฒนาการเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสฝีดาษลิง และการใช้จ่ายเงินของภาครัฐที่น้อยกว่าคาดจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ และต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คงเป้า SET Index สิ้นปี 2565 ไว้ตามเดิมที่ 1,650 จุด คำนวณด้วย EPS ที่ 105.90 บาท และ EYG ที่ 3.48% (หรือ -0.875SD) ประมาณการ EPS ล่วงหน้า 12 เดือนของเราปรับเพิ่มขึ้นเป็น 105.90 (+5.5%จากเดือนก่อน) จากการปรับปีฐาน EPS จากกลางปี 2565 เป็นสิ้นปี 2565
ขณะนี้ House view ของฝ่ายวิจัยคาดว่าอัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ระยะเวลา 10 ปี จะอยู่ที่ 2.90% จากประมาณการเดิมที่ 2.60% SET index ฟื้นตัวขึ้น 4.5% หลังแตะระดับต่ำสุดที่ 1,580 จุด เมื่อเดือนก่อนหนุนจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังอยู่ในระดับต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มุมมองบวกที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้ออาจแตะระดับสูงสุดแล้วจาก US Core EPS ที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงในเดือนเม.ย.2565 การยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการเปิดเศรษฐกิจจีนหลังควบคุมการระบาดได้
ทั้งนี้มี 6 ธีมลงทุนขณะนี้ ได้แก่
-
ผู้เล่นอัตราตอบแทนปันผลสูง (KKP KTB และ DTAC) เราคาดว่าหุ้นปันผลเหล่านี้จะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาดในช่วงที่ตลาดอ่อนตัวลง
-
ผู้เล่นที่มีประกันความเสี่ยงต่อไวรัสฝีดาษลิง (BCH และ STA) เราคาดว่ากลุ่มโรงพยาบาลและถุงมือทางการแพทย์จะได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสฝีดาษลิง
-
ผู้เล่นกลุ่ม Anti-commodities (BGRIM และ EPG ) เราคาดว่าราคาน้ำมันที่ลดลงจะส่งผลบวกต่อ BGRIM และ EPG จากต้นทุนวัตถุดิบตั้งต้นที่ลดลง
-
ผู้เล่นกลุ่มเปิดประเทศ (MTC BEM BJC ANAN และ SPRC) การเปิดเศรษฐกิจ/การเปิดภาคเรียน/กลับไปทำงานที่สำนักงานรายได้ภาคเกษตรและค่าแรงที่สูงขึ้นคาดจะช่วยหนุนอุปสงค์สินเชื่อของ MTC จำนวนผู้โดยสาร/รถยนต์ที่ใช้ทางพิเศษ ของ BEM SSSG ของ BJC ยอดขายของ ANAN และ GRM ของ SPRC ให้สูงขึ้น
-
ผู้เล่นกลุ่มเติบโต (RBF GUNKUL และ CHAYO) เราคาดว่าทั้ง 3 บริษัทจะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโตแข็งแกร่งในปี 2565/66
-
พัฒนาการเชิงบวกในจีน (PSL JWD และ SCGP) การเปิดประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนคาดจะช่วยหนุนค่าระวางเรือของ PSL ปริมาณขนส่งของ JWD และราคากระดาษของ SCGP ให้สูงขึ้น