
BSF ย่อมาจาก Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund หรือแปลเป็นไทยง่าย ๆ คือ พ.ร.ก. ที่ออกมาเพื่อดูแลเสถียรภาพของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (หุ้นกู้)
การที่ ธปท. ต้องดูแลตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน เป็นเพราะตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนของไทยมีขนาดใหญ่ถึง 3.6 ล้านล้านบาท หรือมากกว่า 20% ของ GDP ซึ่งตลาดตราสารหนี้เป็นแหล่งระดมทุนและแหล่งออมเงินที่สำคัญ ดังนั้น ธปท. จึงต้องออกนโยบายมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดสารหนี้ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากมีเงินออมอยู่ในตลาดตราสารหนี้ ผ่านกองทุนรวม สหกรณ์ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนประกันสังคม เพียงแต่เราอาจจะไม่ทราบ ฉะนั้น พ.ร.ก. BSF จึงไม่ได้ช่วยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดตราสารหนี้ซึ่งมีคนทั่ว ๆ ไปลงทุนอยู่ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
นอกจากนี้ กองทุน BSF จะเข้าไปช่วยซื้อหุ้นกู้ของบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับลงทุนได้ (Investment Grade) เท่านั้น โดยบริษัทที่จะมาขอรับความช่วยเหลือจากกองทุน BSF จะต้องหาเงินทุนส่วนใหญ่มาให้ได้ก่อน หลังจากนั้น BSF ถึงจะช่วยสนับสนุนสภาพคล่องส่วนที่ขาด และจะคิดต้นทุนการกู้ยืมสูงกว่าในตลาดปกติ ดังนั้น ถ้าธุรกิจต่าง ๆ สามารถระดมทุนจากช่องทางอื่นได้ ก็จะไม่มาขอให้กองทุน BSF ช่วย เพราะมีต้นทุนสูงกว่า
อ่านบทความเต็มโดย ดร.พีรภัทร ฝอยทอง https://workpointnews.com/2020/06/01/saving-guru-15/