ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะลึก 15 แนวคิดของ “อีลอน มัสก์” อัจฉริยะผู้สร้างนวัตกรรมระดับโลก

โดย Present-moment
เผยแพร่ :
66 views

กำลังเป็นประเด็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ หลังจากที่ 2 บุคคลผู้มีอิทธิพลบนโลกไอที ได้ปะทะความคิดเห็นกัน โดย มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอเฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ออกมากล่าว ผ่านทาง Facebook Live ว่า คนที่พยายามสร้างสถานการณ์และสร้างกระแสลบต่อ AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ คือ บุคคลที่ขาดความรับผิดชอบ โดยบอกว่าผู้ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับ AI แปลว่าคนผู้นั้นไม่เห็นด้วยกับรถที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งจะไม่เกิดอุบัติเหตุ ขณะเดียวกันก็ไม่เห็นด้วยกับความสามารถในการวินิจฉัยอาการป่วยที่ดีขึ้น

 

นอกจากนี้เขายังกล่าวสรุปว่า “I don’t see how in good conscience some people can do that” AI สามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้

 

การกล่าวแสดงความคิดเห็นของมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ในครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งบริษัท Tesla และ SpaceX ออกมากล่าวว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นความเสี่ยงของมนุษยชาติอย่างแท้จริง และรัฐบาลหลายประเทศควรออกกฎควบคุมการพัฒนาให้รัดกุม

 

วันนี้ห้องสมุดมารวย จึงมาเจาะลึกแนวคิดของอีลอน มัสก์ โดยคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย จากวารสาร Marketeer เดือนกรกฎาคม 2560 มาดูกันว่า ภายใต้รอยหยักของสมองของเขา เขามีแนวคิดอย่างไรจึงประสบความสำเร็จได้ในสิ่งที่เขาทุ่มเทมาแทบทุกอย่าง ไม่น่าเชื่อว่า อีลอน มัสก์ จะกลายเป็นมหาเศรษฐี ตั้งแต่วัยเพียง 23 ปีเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้เขาครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่ากว่า 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว มาดู 15 แนวคิดที่น่าทึ่งของเขากันครับ

 

1. มองการณ์ไกลนอกเหนือจากความฝันของตัวเอง

นอกเหนือไปจากการสร้างความฝันของตัวเองให้เป็นจริงแล้ว มัสก์มักจะมองการณ์ไกลและสร้างสิ่งที่คนอื่นคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ โดยจะต้องทำให้สำเร็จด้วยเทคโนโลยี และเขายังมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองโลกในระยะยาว ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือการคิดเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนร่วมโลก จากแนวคิดนี้ ทำให้ชื่อของ อีลอน มัสก์ มีความโดดเด่นและถูกจับตามองจากคนทั่วทั้งโลก

 

2. คิดเสมอว่าต้องการอะไรในชีวิต

เขามักจะคิดเสมอว่าอะไรบ้างที่จะกระทบต่ออนาคตของมนุษยชาติมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เขาคิดได้คือ อินเตอร์เน็ต พลังงานทดแทน การท่องอวกาศ และการอาศัยอยู่บนดาวดวงอื่นๆ สมองกลอัจฉริยะ และการเขียนพันธุกรรมของมนุษย์ขึ้นมาใหม่ สำหรับมัสก์ ความคิดในตอนนั้นคือ จะให้ความสนใจพลังงาน และอินเตอร์เน็ตมากกว่า ส่วนอื่นๆ อาจจะดูเกินไปสำหรับเขาในตอนนั้น

 

3. มุ่งมั่นเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

แม้มัสก์เป็นมหาเศรษฐีแล้วก็ตาม แทนที่เขาจะเลือกใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่เขากลับยังคงมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เขาจึงลงทุนด้วยเงินกว่า $100 ล้าน เพื่อก่อตั้งบริษัท SpaceX โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มนุษย์เดินทางไปยังอวกาศ และขยายอาณานิคมบนดาวอังคาร

 

4. สร้างพลังงานทดแทนก่อนที่น้ำจะท่วมโลก

มัสก์ให้ความสนใจกับเรื่องของพลังงานทดแทน เพราะหากใช้พลังงานปิโตรเลียมต่อไปจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 5 องศา และส่งผลให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้น น้ำจะท่วมทวีปทางตอนเหนือของโลก ทำให้เขานึกถึงการใช้พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เขาลงทุนเงินส่วนตัว $70 ล้าน ในบริษัท Tesla เพื่อก่อตั้งการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วยการสร้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ทำให้โลกใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืน ทั้งๆ ที่รู้ว่า ไม่เคยมีบริษัทไหนที่ก่อตั้งบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสำเร็จมาก่อน

 

5. ความสำเร็จสร้างขึ้นเองได้

เขามักจะบอกว่า “ความสำเร็จไม่มีวันมาได้มาง่ายๆ หากไม่ลงมือทำ” จะมีสักกี่คนที่สามารถสร้างบริษัทสตาร์ตอัพได้หลายแห่ง และประสบความสำเร็จทุกครั้ง จะมีสักกี่คนที่สามารถสร้างบริษัทจรวดที่องค์การ NASA สนใจร่วมธุรกิจด้วย และจะมีสักกี่คนพร้อมจะเป็นศัตรูกับบริษัทรถยนต์น้ำมัน รวมทั้งบริษัทปิโตเลียมทั้งโลก ด้วยการสร้างรถยนต์พลังไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ทั้งหมดที่ว่ามานั้นเกิดขึ้นเพราะความคิดของมัสก์ ทุกอย่างต้องสำเร็จหากมีการลงมือทำ

 

6. กล้าที่จะเสี่ยงเพราะหากสำเร็จแล้วมันต้องคุ้มค่า

เขาจะมีมุมมองความคิดที่กว้างไกลกว่าคนทั่วไปและกล้าที่จะกำหนดเป้าหมายที่คาดว่าจะสำเร็จในอนาคตแม้หลายคนจะบอกว่ามันคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่มัสก์กล้าที่จะเสี่ยงในสิ่งที่เขาคิดว่าหากมันสำเร็จแล้วต้องคุ้มค่า ในวัยหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มทำงาน ซึ่งอาจจะยังไม่มีภาระมากมาย ควรมีความกล้าที่จะฝันและเสี่ยงทำตามความฝันของตัวเอง ซึ่งเคล็ดลับในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของเขาก็คือ ความกระตือรือร้นนั่นเอง

 

7. ต้องไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค

เพราะเขามีความมุ่งมั่นต่อแนวคิดและโครงการที่จะทำทุกครั้ง ทำให้เขาไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ แม้ในอดีตที่ผ่านมา การทดสอบจรวดไปสู่อวกาศของเขาประสบความล้มเหลวหลายครั้ง ซึ่งมันคือการสูญเสียเงินจำนวนมหาศาล แต่เขาไม่ยอมแพ้และยังคงทำสิ่งที่ผิดพลาดให้กลับมาสำเร็จอีกครั้ง

 

8. ต้องรักในสิ่งที่ตัวเองทำ

มัสก์มักจะบอกทุกคนว่า ไม่ว่าจะมีกี่โครงการมันก็คือ สิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลก ที่สำคัญคือ จะต้องรักในสิ่งที่ตัวเองทำเพราะหากไม่รักก็คงจะไม่มีความสุขและไม่มีใจที่อยากจะทำ แต่ถ้ารักในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคอยคิดถึงสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา และต้องไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ ให้คิดว่าเหมือนกับเป็นงานอดิเรกที่ทำเท่าไรก็ไม่มีทางเบื่อ

เขาเปรียบว่า “นักกีฬาที่เขาประสบความสำเร็จนั่นแสดงว่าพวกเขาต้องชอบและรักกีฬาชนิดนั้นๆ และคงไม่เบื่อที่จะฝึกซ้อมทุกวัน เพราะมีความอยากเก่งขึ้นเรื่อยๆ” เขาเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน

 

9. คัดเลือกคนเก่งๆ มาร่วมงาน

เขาให้ความสำคัญกับการทำงานทุกโครงการอย่างมาก และมักจะเลือกสรรคัดหาคนเก่งๆ มาทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รวมถึงการทำงานเป็นทีม และการดูแลรักษาบุคลากร ฯลฯ เพราะจะสะท้อนให้เห็นแนวคิดในการให้ความสำคัญกับการบริหารคนในองค์กร

 

10. ต้องมั่นใจว่าสินค้าหรือบริการดีที่สุด

มัสก์บอกว่า ไม่ว่าจะขายอะไร ต้องให้มั่นใจว่าสินค้าหรือบริการของตัวเองดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับของคนอื่น ซึ่งจะทำให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ที่จะทำให้งานทุกอย่างออกมาดีที่สุดและพร้อมที่สุด

 

11. ต้องทำงานหนักและคิดเยอะๆ ตลอดเวลา

มัสก์บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญาเอกในการจะเริ่มเป็นผู้ริเริ่ม” ซึ่งเขาและพี่ชายต้องทำงานหนักมากๆ ชนิดที่ว่า Work Super Hard เพราะสมัยที่เริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ พวกเขาทำงานหนักมากตลอดเวลาที่ลืมตา ถ้าพักก็คือ เวลานอนเท่านั้น ซึ่งเคล็ดลับในการทำงานของเขาให้ประสบความสำเร็จคือการทำงานเยอะๆ

 

12. ความล้มเหลวเป็นเหมือนตัวเลือก

เขาบอกว่า “ความล้มเหลวถือเป็นหนึ่งในตัวเลือก หากคุณยังไม่เคยพลาด นั้นอาจแปลว่าคุณยังไม่เคยที่จะริเริ่มสร้างสิ่งใหม่ๆ”ทำให้เขาสามารถหาสิ่งใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ มาต่อยอดให้สำเร็จ ผู้คนนับไม่ถ้วนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกกับมัสก์ว่า ไอเดียของเขาเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่มีทางสำเร็จแต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจและยังคงทำสิ่งต่างๆ ในแบบที่เขาต้องการ

 

13. ต้องมีความกล้า บ้าบิ่นที่จะเสี่ยง

ต้องสามารถที่จะคิดในการออกแบบระบบ พร้อมที่จะดึงเอาการออกแบบของเทคโนโลยีและธุรกิจ เข้ามาในองค์รวมเดียวกัน เพื่อผสมผสานมันในรูปแบบ ซึ่งน้อยคนจะสามารถทำได้ สิ่งสำคัญคือ การรู้สึกโคตรมั่นใจ ต้องมีความกล้าบ้าบิ่นที่จะเสี่ยง เพราะมันเหมือนการเดิมพันชะตาชีวิตไว้กับงานทุกอย่างที่เสี่ยง แม้อาจจะต้องทำแบบนั้นหลายครั้งก็ตาม

 

14. คิดตลอดจะต้องทำอย่างไรจึงจะค้นพบสิ่งใหม่

เขาบอกว่า การมีกรอบสำหรับแนวคิดเป็นสิ่งที่มีปัญหาต่างๆ จะต้องลงถึงจุดที่เป็นแก่นความจริง และใช้เหตุผลก่อนที่จะเกิดปัญหา การลอกเลียนแบบในสิ่งที่คนอื่นๆ ซึ่งอาจมีความแตกต่างไปเล็กน้อย สมองอาจจะม่ได้ทำงานหนักจนเกินไป แต่เมื่อคุณต้องการทำอะไรใหม่ๆ คุณจะเข้าใจจริงๆ ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะทำให้เกิดการค้นพบ ซึ่งมันคือสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ

 

15. ทุกวินาทีมีค่าเสมอ

มัสก์เองก็ถือว่า เป็นหนอนหนังสือตัวยง เขาอ่านหนังสือมากพอๆ กับที่คนอื่นๆ ที่ชอบดูทีวี ในหนึ่งวันทุกคน ต่างก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ซึ่งคุณไม่สามารถขอเวลาเพิ่มได้แม้แต่วินาทีเดียว แม้จะรู้อย่างนั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระและใช้ชีวีตให้เวลามันผ่านเลยไปวันๆ แต่ตัวเขาต้องการใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์เพื่อคิดค้นสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

 

การทำงานมิใช่มุ่งผลเฉพาะมูลค่าทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นแนวคิดการมองโลกที่เป็นข้อแตกต่างระหว่างนักธุรกิจธรรมดากับนักธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงโลก ซึ่งอีลอน มัสก์บอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ความกล้าคิดตามความฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีไฟฟ้า อย่างการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า หรือการเดินทางไปอวกาศ ซึ่งเหล่านี้หาพบได้ยากใน CEO บริษัทอื่นๆ แน่นอน

 

นอกจากนี้อีลอน มัสก์ ยังเพิ่งให้สัมภาษณ์และขึ้นปกกับนิตยสาร Fast Company ฉบับเดือนกรกฎาคม 2560 ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถหาอ่านได้ที่ห้องสมุดมารวยนะครับ

 

และหากอยากใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์ อย่างเช่น อีลอน มัสก์ ที่เปลี่ยนการอ่าน เป็นความรู้ และนำไปสร้างสรรค์ต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ ห้องสมุดมารวยก็มีหนังสือน่าอ่าน มาแนะนำให้ทุกท่าน ดังนี้ครับ

 

ที่มา : ห้องสมุดมารวย


Present-moment