ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดแนวโน้มกำไร 9 หุ้นอสังหาฯ

โดย STAND UP
เผยแพร่ :
135 views

เปิดแนวโน้มกำไร 9 หุ้นอสังหาฯ

ไตรมาส 2 ใครทำผลงานดีกว่ากัน

.

ก่อนหน้านี้ Wealthy Thai เคยนำเสนอคาดการณ์กำไรสุทธิของหุ้นในกลุ่มธนาคารและกลุ่มโรงไฟฟ้าไปแล้ว วันนี้จึงเป็นคิวของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไตรมาส 2/66 เป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวเทศกาลในเดือนเม.ย. และต่อเนื่องไปถึงเดือนพ.ค. อาจทำให้การขายและโอนกรรมสิทธิ์ไม่คึกคักเท่าที่ควร

.

ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าภาพรวมกำไรของกลุ่มอสังหาฯ อาจลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังมีหุ้นบางบริษัท เช่น SIRI, ORI, SC และ QH ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตโดดเด่นทั้งจากไตรมาส 2/65 และ 1/66

.

โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/66 ของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ ที่ฝ่ายวิจัยศึกษารวม 15 แห่ง จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากการโอนกรรมสิทธิ์ของงานในมือ (Backlog) สิ้นไตรมาส 1/66 ที่มีอยู่ราว 2 แสนล้านบาท (ของ 15 บริษัท) และมีกำหนดรับรู้รายได้ช่วง 9 เดือน ปี 2566 ราว 1.1 แสนหมื่นล้านบาท (รวม JV) เป็นกลุ่มแนวราบ 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่รับรู้รายได้ในไตรมาสถัดไป บวกกับยอดขายไตรมาส 2/66 ที่บางส่วนแปลงเป็นยอดโอนฯ ตลอดจนมีการส่งมอบคอนโดฯ ใหม่

.

แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคาดกำไรปกติอ่อนตัวลง ตามการโอนที่ลดลงเป็นหลัก ส่วนหนึ่งมาจากการส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ที่มีช่วงเวลาแตกต่างกัน หากพิจารณาการดำเนินงานรายบริษัท พบว่ามีการเติบโตแตกต่างกันไป

.

สำหรับ SPALI บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมอง neutral ต่อแนวโน้มไตรมาส 2/66 โดยคาดการณ์กำไรที่ 8.3 พันล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 9% จากไตรมาสก่อนหน้า ถึงแม้จะเป็นการปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะฐานที่ค่อนข้างสูง โดยรวมพรีเซลคอนโดมิเนียมทรงตัวจากไตรมาส 2/65 เพราะมีการเปิดโครงการใหม่ ในขณะที่แนวราบยังลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนกำลังซื้อตลาดกลาง-ล่างที่ยังได้รับผลกระทบจากนโยบาย LTV ที่กลับเป็นระดับปกติทำให้กู้ได้ลดลง ให้คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 28 บาท

.

ส่วน LH บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 เบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ราว 1.50 พันล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการลดลงจากไตรมาส 2/65 มาจากกลุ่ม residential เป็นหลัก เพราะสถานการณ์พรีเซลในไตรมาส 2/66 ที่ไม่ดีนัก น่าจะกดดันยอดโอน ทั้งนี้แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 และ 4/66 น่าจะเป็นลักษณะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าตามโครงการที่ทยอยเปิดเพิ่มขึ้น ให้คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท

.

ถัดมา AP บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดกำไรจะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยยอดขายแข็งแรงต่อเนื่อง คาดพรีเซลไตรมาส 2/66 ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 14.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ครึ่งแรกปี 2566 มียอดขายสะสม 2.36 หมื่นล้านบาท แม้คิดเป็น 41% ของเป้าบริษัทปีนี้ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท แต่คาดจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ตามแผนเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจํานวน 40 โครงการ มูลค่า 5.67 หมื่นล้านบาท ให้คำแนะนำ Outperform ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท

.

LPN บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า เนื่องจากไตรมาส 2/66 และ 3/66 อยู่ในช่วงขาดหายไปของการส่งมอบกรรมสิทธิ์คอนโดใหม่ ทําให้การสร้างรายได้ขายอสังหาฯ ต้องมาจากการโอนของ Backlog เดิมที่มีไม่มาก และการขายและโอนสต๊อกโครงการเดิมพร้อมอยู่เป็นหลัก เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 และ 1/66 ที่มีการโอนคอนโดใหม่ 1 โครงการ และ 2 โครงการตามลําดับ คาดส่งผลให้กำไรไตรมาส 2/66 จะอ่อนตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงมีโอกาสต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/66 (คาดลดลงแรงจากไตรมาส 2/65 ที่มีฐานสูง 236 ล้านบาท จากการขาย Big-lot คอนโดทั้งตึก) ให้คำแนะนำ Underperform ราคาเป้าหมาย 3.42 บาท

.

SIRI บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดกำไรไตรมาส 2/66 จะเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากการส่งมอบ Backlog แนวราบและคอนโดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายแนวราบที่ดีจากโครงการเปิดใหม่ในไตรมาส 2/66 สามารถโอนทันในไตรมาสเดียวกัน ตลอดจนบันทึกกําไรพิเศษจากขายที่ดินให้กับบริษัท JV ราว 500-550 ล้านบาท (ก่อนภาษี) ทําให้เบื้องต้นประเมินกําไรสุทธิกรอบ 1.6-1.7 พันล้านบาท (กําไรปกติ 1.1-1.2 พันล้านบาท) ให้คำแนะนำ Outperform ราคาเป้าหมาย 2.32 บาท

.

ORI บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า การส่งมอบต่อเนื่องของคอนโด JV ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Park Origin จุฬา-สามย่าน มูลค่า 4.6 พันล้านบาท (ขาย 98%) และ The Origin ลาดพร้าว-บางกะปิ มูลค่า 2 พันล้านบาท (ขาย 67%) ที่เพิ่งโอนปลายไตรมาส 1/66 เฉลี่ย 9% ในแต่ละโครงการ รวมถึงการเริ่มโอน The Origin สุขุมวิท สายลวด 22 มูลค่า 1.8 พันล้านบาท (ขาย 83%) ที่สร้างเสร็จและโอนในไตรมาส 2/66 คาดเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ไตรมาส 2/66 มีกำไรปกติเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ให้คำแนะนำ Outperform ราคาเป้าหมาย 13.15 บาท

.

SC บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แม้ผลประกอบการไตรมาส 1/66 จะคิดเป็นเพียง 19% เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรปกติทั้งปีของฝ่ายวิจัยที่ 2.8 พันล้านบาท แต่คาดเป็นจุดต่ำสุดของปี ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 คาดจะเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยแนวราบกว่า 9.8 พันล้านบาท ซึ่งจะมียูนิตสร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาส คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 5.20 บาท

.

QH บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 เบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ราว 650 ล้านบาท เติบโต 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 10% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจากการเติบโตทั้งจากไตรมาส 2/65 และ 1/66 เพราะยังมี Backlog ทั้งแนวราบและคอนโดรอโอนบางส่วน รวมถึงส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนจาก HMPRO และ LHFG เพิ่มขึ้น คงคำแนะนำ Neutral ราคาเหมาะสมที่ 2.50 บาท

.

และสุดท้าย ANAN บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มยังไม่หวือหวา โดนตั้งเป้าหมายพรีเซลลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่เป้าโอนยังทรงตัวจากไตรมาส 2/65 และ 1/66 ทำให้โอกาสที่ผลประกอบการจะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิยังยาก ประเมินโอกาสเป็นกำไรในไตรมาส 3/66 มากกว่า ให้คำแนะนำ Reduce ที่ราคาเป้าหมาย 1.25 บาท

 

 


STAND UP