“แสนสิริ-เอสซี แอสเสทฯ” 2 บริษัทดัง!
ในวงการ “การเมืองไทย” ปี 66 อาจฟันกำไรพุ่งกระฉูด

.
เข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นรูปแบบ นักลงทุนต่างมองหาหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง เพื่อจับโอกาสลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่ง Wealthy Thai ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นครั้งนี้จะพานักลงทุนมาสำรวจการเติบโตของหนึ่งในหุ้นแกนนำพรรคใหญ่ อย่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI และ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC
.
โดยนักลงทุนต่างรู้กันดีว่าทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว ต่างเป็นบริษัทของแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน แม้จะมีการโอนหุ้น SIRI ให้กับลูกสาวทั้งหมดไปแล้ว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเตรียมพร้อมทำงานการเมือง ขณะที่ SC ก็คือหนึ่งในบริษัทของกลุ่ม “ชินวัตร” ดังนั้นในวงการตลาดทุน ทั้ง 2 บริษัทจะมีความน่าสนใจแค่ไหน เราหาคำตอบให้แล้ว
.
SIRI กำไรโค้งแรกโต 4 เท่า
มาเริ่มกันที่ SIRI โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” SIRI และราคาเป้าหมายปี 2566 เดิมที่ 2.10 บาท หากมองในระยะสั้น นอกจากแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/2566 ที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนราคาหุ้นได้เป็นอย่างดีแล้ว การประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้เพิ่ม SIRI ในดัชนี SET 100 ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2566 จะเพิ่มข่าวดีให้กับหุ้นมากขึ้น
.
หากมองในระยะที่ยาวขึ้น แนวโน้มของยอดขายที่เพิ่มขึ้นและ upside risk ที่อาจเกิดขึ้นต่อประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัย ในกรณียอดขายใหม่ที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นอย่างจากโครงการแนวราบและโครงการคอนโดใหม่ที่งานก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จจะช่วยหนุนราคาหุ้นได้อีก ขณะที่อัตราตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่คาดว่าจะมากกว่า 9% จากผลการดำเนินงานปี 2566 ยังเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อราคาหุ้น SIRI
.
โดยปรับประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 10.1% เป็น 4.8 พันล้านบาท เติบโต 13.36% จากปีก่อน แต่ลดสมมติฐานกำไรปี 2567-68 ลง 0.2% และ 0.1% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการจำหน่ายสินทรัพย์และสิทธิที่เกี่ยวข้องกับกิจการของโรงเรียนสาธิต พัฒนาให้กับบริษัท เดอะ เบสท์เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้ (กิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกัน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัททำธุรกิจการเรียนการสอนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยในปัจจุบัน
.
ทั้งนี้หากพิจารณาจาก มูลค่าทางบัญชี (BV) ของธุรกิจโรงเรียนของ SIRI ที่ 700 ล้านบาท ราคาขายที่ 1.21 พันล้านบาท พร้อมการกลับรายการทางบัญชีบางส่วนจะทำให้ SIRI มีกำไรหลังหักภาษี 450 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2566 ส่วนการปรับลดกำไรปี 2567-68 ดังกล่าวเกิดจากการที่กำไรจากธุรกิจนี้ที่เกิดขึ้น 80 ล้านบาท ในปี 2565 จะไม่มีการบันทึกอีก ซึ่งสูงกว่าการประหยัดดอกเบี้ย เล็กน้อย เมื่อคาดว่าเงินสดทั้งหมดที่ได้รับจากข้อตกลงจะถูกนำไปใช้ชำระหนี้
.
ขณะที่ในไตรมาส 1/2566 แม้ว่ายอดขายจะไม่น่าตื่นเต้นตามที่คาด (ลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน) แต่ถือว่าแข็งแกร่งกว่าคาดที่ 8.1 พันล้านบาท จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.4 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการตอบรับที่ดีขึ้นจากโครงการที่เปิดขายหลายโครงการ โดยเฉพาะจากโครงการ ดีคอนโดรีฟ
.
โดยหลังจากได้พูดคุยกับทาง SIRI แล้ว พบว่ามุมมองก่อนหน้านี้ของฝ่ายวิจัยเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิที่จะชะลอตัวลงจากโครงการแนวราบที่มีอัตรากำไรสูงอย่าง นาราสิริกรุงเทพกรีฑา และเอ็กซ์ทีพญาไท จะไม่มากเท่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากโครงการที่มีอัตรากำไรสูงเหล่านี้จะยังคงสร้างรายได้ให้กับ SIRI หลายร้อยล้านบาทในไตรมาสนี้ จากการก่อสร้างที่เร็วกว่าแผนและยอดขายที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ตามลำดับ
.
ดังนั้นหากรวมปัจจัยดังกล่าวเข้ากับกำไรจากการขายโรงเรียนที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ มองว่ากำไรไตรมาส 1/2566 จะเติบโตมากกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำได้ในไตรมาส 4/2565
.
SC ลุยเปิดโครงการใหม่
ต่อมา SC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” SC ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 4.90 บาท ในมุมมองของฝ่ายวิจัย การปรับฐานของราคาหุ้นล่าสุดที่ 10.5% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลต่อวิกฤตการเงินโลกและยอดขายไตรมาส 1/2566 ที่ไม่น่าตื่นเต้น จะเป็นโอกาสในการลงทุนที่ดี สำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า (value investor) หุ้นพื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้ นอกจากนี้ อัตราตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่มากกว่า 6% ของผลการดำเนินการปี 2566 ก็น่าสนใจเช่นกัน
.
จากภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคภายในประเทศที่ปรับดีขึ้นจากอุปสงค์การท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง และโครงการใหม่จำนวนมากที่รอดำเนินการในช่วงที่เหลือของปีนี้ (1.52 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/2566, 1.01 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/2566 และ 1.36 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/2566) ในพื้นที่ที่มีความต้องการสูง
.
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยที่ถูกอัพเกรดขึ้นอย่าง กรุงเทพกรีฑา บางนา ราชพฤกษ์ ปิ่นเกล้า และวัชรพล โดยมีกลุ่มราคาที่หลากหลายมากขึ้น เช่น โครงการ ไนน์ตี้ไฟว์ อีสต์วัน ที่ราคา มากกว่า 100 ล้านบาท/ยูนิต และโครงการ เวนวิ ไอดีเวนวิ ไอดีรังสติ-ปทุมธานี ที่ราคาเพียง 3.2 ล้านบาท/ยูนิต
.
ดังนั้นจึงมองว่ายอดขายและกำไรของ SC ในไตรมาสที่เหลือของปี 2566 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ SC จะยังสามารถทำให้กำไรปี 2566 เติบโตได้มากขึ้นจากระดับสูงสุดใหม่ที่รายงานไว้ในปี 2565 โดยคาดปี 2566 จะมีกำไรสุทธิ 2,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน
.
นอกจากนี้ามองว่า SC จะสามารถสร้างกำไรไตรมาส 1/2566 ให้เติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่แข็งแกร่งขึ้นจาก backlog ของโครงการแนวราบและคอนโด ขนาดใหญ่ ณ สิ้นปี 2565 เมื่อเทียบกับ สิ้นปี 2564 จะช่วยให้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเติบโตได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (จากการโอนกรรมสิท ธิ์คอนโดร่วมทุน -เดอะ เครสท์พารค์ เรสซิเดน เซส ลาดพร้าว)
.
นอกจากนี้ ด้วยสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น มองว่า SC จะยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ให้อยู่ในระดับสูงได้เหมือนกับที่เห็นในไตรมาส 4/2566 ซึ่งจะสูงกว่าระดับที่รายงานในไตรมาส 1/2565 เล็กน้อย แม้จะมองว่ากำไรไตรมาส 1/2566 จะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่หากสามารถเติบโตได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามที่คาด แนวโน้มกำไรปี 2566 จะยังคงเติบโตในทิศทางที่ถูกต้องจากปีก่อนในการทำสถิติสูงสุดใหม่