การเปลี่ยนแปลงนโยบายสินเชื่อผู้ที่อยู่อาศัยส่งผลกระทบอย่างไรกับคนที่จะซื้อบ้าน??
นับเป็นข่าวที่น่าสนใจไม่น้อยในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา สำหรับการเสนอนโยบายสินเชื่อผู้ที่อยู่อาศัย (Microprudential) ของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. เพื่อกำหนดและควบคุมการปล่อยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินต่างๆ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
- สำหรับที่อยู่อาศัยหลังแรกให้คงเกณฑ์เดิม (สัญญาที่ 1): บ้านแนวราบ LTV ไม่เกินร้อยละ 95 และบ้านแนวสูง LTV ไม่เกินร้อยละ 90
- สำหรับที่อยู่อาศัยหลังที่สองขึ้นไป (ตั้งแต่สัญญาที่ 2): กำหนด LTV ไม่เกินร้อยละ 80
- สำหรับที่อยู่อาศัยราคามากกว่าหรือเท่ากับ 10 ลบ. ขึ้นไป: กำหนด LTV ไม่เกินร้อยละ 80 เช่นเดียวกับบ้านหลังที่สอง
- ประเมิน LTV โดยนับรวมสินเชื่อ Top-up ทุกประเภทที่อ้างอิงหลักประกันเดียวกัน จากเดิมสถาบันการเงินคิด LTV เฉพาะสินเชื่อบ้าน ทำให้ผู้กู้บางรายได้รับวงเงินกู้จริงเกิน 100% ของหลักประกัน
การเสนอนโยบายสินเชื่อดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินรวมถึงธนาคารพาณิชย์ทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งเป็นการควบคุมเสถียรภาพทางการเงินของประเทศให้เติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังเป็นการลดความเสี่ยงการเพิ่มขึ้นของหนี้ NPL ที่มีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดจากบ้านหลังที่สอง ซึ่งเกิดจากการเก็งกำไรการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะชนผ่านเว็บไซต์จนถึงวันที่ 22 ต.ค. 61 นอกจากนั้น ธปท. จะมีการหารือร่วมกับสถาบันทางการเงิน ผู้ประกอบการ เพื่อชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 11 ต.ค. 61 ก่อนที่จะประกาศและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 62 เป็นต้นไป
จากนโยบายดังกล่าวพบว่า หากท่านกำลังจะซื้อบ้านหลังแรก การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวอาจจะไม่ได้กระทบอะไร แต่หากท่านกำลังจะซื้อบ้านหลังที่สองหรือบ้านที่จะซื้อมีมูลค่ามากกว่า 10 ลบ. อาจจะต้องวางแผนการเงินเพื่อซื้อบ้านให้ดี โดยวางเงินดาวน์อย่างน้อยร้อยละ 20 จากมูลค่าของที่อยู่อาศัย เพื่อเข้าเกณฑ์ดังกล่าว แล้วจึงจะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทที่รับสร้างบ้านก็อาจจะส่งผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากข้อมูลของธนาคารกสิกรไทยพบว่า ตลาดส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 78 เป็นบ้านหลังแรก ส่วนตลาดที่ส่งผลกระทบ คาดว่าบริษัทที่ขายบ้านจะเร่งทำยอดขายให้ได้ภายในปีนี้ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
หมายเหตุ Loan to Value (LTV) หมายถึงอัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านของสถาบันการเงิน เทียบกับมูลค่าบ้าน