ห้องเม่าปีกเหล็ก

ลุ้น‘หุ้นไทย’พุ่งคลายวิตกงบปี63

โดย poomai
เผยแพร่ :
66 views

ลุ้น‘หุ้นไทย’พุ่งคลายวิตกงบปี63 คาดรัฐจ่ออัดมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่ม ดัชนีแตะ 1,600 จุด

โบรกเกอร์ ฟันธง หุ้นไทยมีลุ้นทะยานแตะ 1,600 จุด ภายในเม.ย.นี้ รับปัจจัยบวกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยงบปี 63 “ไม่โมฆะ” คาดหลังจากนี้ รัฐบาลเตรียมอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ขณะ ความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาเริ่มผ่อนคลาย ส่งผลบวกต่อการลงทุน ประเมินสัปดาห์หน

ดัชนีหุ้นไทย(7ก.พ.) แกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยช่วงเช้าดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ และมีแรงขายออกมาอย่างหนักในช่วงต้นของการเปิดการซื้อขายภาคบ่าย ทำให้ดัชนีปรับลดลงทำจุดต่ำสุดที่ 1,527.34 จุด ลดลง 8.45จุด ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นมา หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ งบประมาณปี 2563 ไม่เป็นโมฆะ แต่ให้ไปโหวตในวาระ 2-3 ใหม่ ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา ดันให้ดัชนีรีบาวด์มาปิดตลาดที่ 1,535.24 จุด ลดลง 0.55จุด หรือ 0.04% มูลค่าการซื้อขาย 60,509.54 ล้านบาท

ขณะที่หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงสั้นๆ และดันให้ราคาขึ้นมายืนในแดนบวกชั่วคราว ก่อนที่จะมีแรงเทขายออกมาในช่วงท้ายตลาด ส่งผลให้ราคาหุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้ปรับลดลง นำโดย หุ้น บมจ.ช.การช่าง(CK) ปิดตลาดที่ระดับ 21.30 บาท ลดลง 1.42% บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC) ปิดที่ 16.00 บาท ลดลง 1.23%

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ ประเมินกลุ่มรับเหมาก่อสร้างดาวน์ไซด์เริ่มจำกัดและแนวโน้มสดใสสำหรับปี 2564 พร้อมแนะนำให้ “Overweight” โดยคาดว่า แม้การผ่านร่างงบประมาณจะล่าช้า แต่มองว่าจะกระทบกลุ่มรับเหมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ไม่ใช่เป้าหมายของบริษัทในตลาดและสำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณปี 2563 เช่น รถไฟรางคู่ทั้ง 2 สายสามารถประมูลไปพร้อมกับกระบวนการผ่านร่างได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาหลายเดือนและโครงการที่ไม่ได้ใช้งบส่วนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ

นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ไม่เป็นโมฆะและให้โหวตใหม่วาระ 2-3นั้น จะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศและบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้

โดยเบื้องต้นประเมินว่าการโหวตร่างงบประมาณปี 2563ในวาระ 2-3ใหม่นั้น คาดว่าฝั่งรัฐบาลน่าจะเร่งประชุมส.ส.ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งทำให้การดำเนินการอย่างช้าสุดไม่น่าจะเกินช่วง 1-2 เดือนนี้น่าจะมีความชัดเจนของร่างงบประมาณปี 2563 หรือช่วงปลายเดือนมี.ค.2563 เม็ดเงินงบประมาณน่าจะไหลเข้าระบบได้ 

ทั้งนี้คาดว่าหากร่างงบประมาณปี 2563 ผ่านการเห็นชอบน่าจะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มค่อยๆปรับตัวดีขึ้นและเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องการที่ผ่านมางบประมาณภาครัฐล่าช้าไปแล้วกว่า 6 เดือน ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปกว่า 1.6 แสนล้านบาท และเมื่องบประมาณปี2563 ผ่านการพิจารณารอบใหม่เชื่อว่าภาครัฐจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่อั้นไว้และอาจมีการโยกงบประมาณบางส่วนไปในปี 2564 รวมถึงอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม

 

ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยนั้น มองว่าช่วงที่ผ่านมามีแรงกดดันภาวะการลงทุนอยู่ 2 เรื่อง ได้แก่ การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าและร่างงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้า ซึ่งปัจจุบันคาดว่าแรงกดดันจากทั้ง 2 ปัจจัยเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว หลังจากสถานการณ์การควบคุมแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดีกว่าที่คาด จากเดิมที่คิดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ประกอบกับร่างงบประมาณปี 2563 ที่คาดว่าจะใช้เวลาอย่างช้าสุดไม่เกิน 2 เดือน จึงทำให้คาดว่าในช่วงไตรมาส 1-2 ปีนี้ตลาดหุ้นน่าจะเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์อัพมากกว่าลดลงไปที่ระดับ 1,500 จุดแล้ว โดยประเมินว่ามีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นระดับ 1,560 จุดไปจนถึงแตะระดับ 1,600 ได้ภายในเดือนเม.ย.2563 พร้อมคงเป้าหมายดัชนีฯทั้งปีนี้ที่ระดับ 1,700 จุด

ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการตัดสินงบประมาณปี2563 ทั้งฉบับไม่เป็นโมฆะ ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ,กลุ่มค้าปลีก,กลุ่มโรงแรมและสายการบิน,กลุ่มแบงก์ขนาดเล็กและนอนแบงก์,กลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มธุรกิจยางมะตอย เช่น TASCO

“สำหรับทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์หน้ามองว่าดัชนีฯน่าจะอิงไปในแดนบวกได้ เพราะมีแรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศทั้งการลดดอกเบี้ยและร่างงบประมาณปี 63 ที่ไม่เป็นโฆฆะ ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเริ่มผ่อนคลายลง พร้อมประเมินกรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,520-1,560 จุด”

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


poomai