ผู้โพสต์ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธการ " Long S50M19 " ดังนี้ คือ :
1) เนื่องจากโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวสูงขึ้นในวันที่ 22 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 = 90.90% และโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวสูงขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 = 63.60%
2) ผู้โพสต์ได้รับข้อมูลที่มีนํ้าหนักที่น่าเชื่อถือได้ว่า " FTSE และ MSCI " จะเพิ่มนํ้าหนักในตลาดหุ้นไทยในอนาคตอันใกล้นี้
3) จากข้อมูลข้อที่ 1) และ 2) ทําให้ผู้โพสต์มีความั่นใจว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่จากการกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยของต่างชาติ หลังการเลือกตั้งทั่วไปของไทยในวันที่ 24 มีนาคม ปี พ.ศ 2562
4) ผู้โพสต์จึงกําหนดกลยุทธในการ " Long S50M19 " ในราคาปิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2562 ที่ 1,082.4 จุด
5) ตาม Specications ของ S50S19 นั้นการเปลี่ยนแปลง 1 จุดมีมูลค่า 200 บาท ต่อ 1 สัญญา
6) ตามประกาศของสํานักหักบัญชี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กําหนดไว้ว่า 1 สัญญา จะต้องใช้เงินคํ้าประกันขั้นต้น หรือ Initial Margin ที่ 5,820 บาท
7) พอการเปิดสถานะ Long S50M19 ยืนยันแล้ว ผู้โพสต์ก็มาตั้งจุด Automatic All Time Stop Loss ซึ่งผู้โพสต์จะใช้ -15.12% ของเงินที่ลงทุนไป หรือ -4.4 จุด x 200 = -880 บาท นั่นเอง เพราะ -880 / 5,820 = -15.12%
8) เพราะฉะนั้น Automatic All Time Stop Loss = 1,082.4 - 4.4 = 1,078 จุด ซึ่งมีความหมายว่า " ณ.เวลาใดก็ตามที่ ถ้า S50M19 มีราคาตํ่ากว่า 1,078 จุด ก็ต้องยอมขายตัดขาดทุนออกไปทัน และหยุดเล่นในรอบนี้เลย โดยถือว่าจบรอบแล้ว "
9) S50M19 ปิดที่ 1,093 จุด ในวันที่ 22 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 จึงทําให้รับรู้กําไร ( 1,093 - 1,082.40 ) x 200 = 2,120 บาท ต่อ สัญญา หรือ 2,120 / 5,820 = 36.43% ต่อ สัญญา
10) นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 2.291.81 ล้าน บาท ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม ปี พ.ศ 2562
11) กลยุทธตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 เป็นต้นไปเป็น ดังนี้ คือ :
11.1) ตั้ง Automatic All Time Stop Loss ไว้ที่เดิมที่ 1,078 จุด เพื่อประกันการขาดทุนสูงที่สุดที่ -15.12%
11.2) ถ้านักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทย ก็ยังถือ S50M19 ไปเรื่อยๆ
11.3) วันไหนก็ตามที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย วันทําการต่อมาตอนเปิดตลาดภาคเช้าก็ให้ทําการปิดสถานะ Long S50M19 ทันที รับรู้กําไร/ขาดทุนเลย แล้วหยุดการเก็งกําไรไปเลย เพราะถือว่า " Story หรือ Theme " ของการเก็งกําไรในรอบนี้ได้จบสิ้นไปแล้ว
หมายเหตุ : 1) ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติมสามารถหาได้จาก ( www.tfex.co.th ) และจุดที่เป็น Maintenance Margin = 1,455 บาท หรือ 25% ของ 5,820 บาท
2) โอกาสที่จะเป็นไปได้ในอนาคต :
2.1) S50M19 ปรับตัวลงมาถึง 1,078 จุด ( Set Index = 1,631.29 จุด )
ขาดทุน = ( ( 1,078 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = -15.12%
2.2) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,093 จุด ( Set Index = 1,646.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,093 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +36.43% ( ในปัจจุบัน ณ.จุดปิดในวันที่ 22 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 )
2.3) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,100 จุด ( Set Index = 1,653.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,100 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +60.48%
2.4) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,150 จุด ( Set Index = 1,703.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,150 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +232.30%
2.5) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,200 จุด ( Set Index = 1,753.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,200 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +404.12%
2.6) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,250 จุด ( Set Index = 1,803.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,250 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +575.95%
2.7) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,300 จุด ( Set Index = 1,853.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,300 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +747.77%
2.8) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,350 จุด ( Set Index = 1,903.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,350 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +919.59%
2.9) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,400 จุด ( Set Index =1,953.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,400 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +1,091.41%
2.10) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,500 จุด ( Set Index =2,053.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,500 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = 1,435.05%
2.11) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,600 จุด ( Set Index =2,153.29 จุด ) กําไร = ( ( 1,600 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +1,778.69%
2.12) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,700 จุด ( Set Index =2,253.29จุด )
กําไร = ( ( 1,700 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +2,122.34%
2.13) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2,000 จุด ( Set Index =2,553.29จุด ) กําไร = ( ( 2,000 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +3,153.26%
2.14) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3,000 จุด ( Set Index =3,553.29จุด ) กําไร = ( ( 3,000 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +6,589.69%
2.15) S50M19 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4,000 จุด ( Set Index =4,553.29จุด ) กําไร = ( ( 4,000 - 1,082.40 ) x 200 ) / 5,820 x 100 = +10,026.12%
( ซึ่งน่าจะตรงกับวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐิอเมริกาในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 โดยใช้จุดปิดของวันรุ่งขึ้นตามวันและเวลาในประเทศไทยที่รู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแล้วในการนํามาอ้างอิงในการปิดสถานะ Long และเนื่องจากแต่ละ Series ของสัญญา Set 50 Index Futures มีอายุเพียงแค่ 3 เดือน จึงจะต้องทําการ Roll Over สัญญาก่อนวันทําการซื้อขายวันสุดท้าย 5 วันทําการ โดยจะคิดวันที่ปิดวันนั้นมาอ้างอิงต่อไป ยกตัวอย่าง S50H19 จะทําการซื้อขายวันสุดท้ายในวันทําการก่อนสิ้นเดือนมีนาคม ปี พ.ศ 2562 คือวันที่ 28 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 นับถอยหลังมา 5 วันทําการก็จะตรงกับวันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 และราคาปิดของ S50M19 คือ 1,093 จุด จึงนํามาอ้างอิงใน Series ต่อไป เป็นต้น )
และ อื่นๆ เป็นต้น
3) ผลตอบแทนที่ประสบความสําเร็จในอดีตที่จะนํามาเปรียบเทียบในการเก็งกําไรในครั้งนี้มี ดังนี้ คือ :
3.1) ผลตอบแทนของควอนตัม ฟันด์ของจอร์จ โซรอสและจิม โรเจอร์ระหว่างปี ค.ศ 1973 - 1980 ( 7 ปี ) = 4,200% โดยมีที่มาจากหนังสือ " STREET SMARTS " แต่งโดยจิม โรเจอร์
3.2) ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนของดร.นิเวศน์ เหมวัชรวรากร ระหว่างปี พ.ศ 2540 - 2561 ( 22 ปี ) = 3,714.92% โดยมีที่มาจากหนังสือ " ฝ่าวิกฤติหุ้นด้วย VI พันธ์แท้ " แต่งโดย ดร.นิเวศน์ เหมวัชรวรากร
4) ผลตอบแทนของ STEC ในปี พ.ศ 2561 = +19.30% ส่วนผลตอบแทนของ STEC ในปี พ.ศ 2562 จนถึง ณ.วันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 = +11.27% ( STEC มีต้นทุนที่ 17.10 บาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2561และปิดในปีที่แล้วคือเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ที่ 20.40 บาท และปิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 ที่ 22.70 บาท )
5) ผู้โพสต์จะคิดผลตอบแทนในปี พ.ศ 2562 ของ " กองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) " โดยการ " Roll Over " ผลของการลงทุนในหุ้น STEC ไปเป็น Long S50M19 ณ.จุดปิดในวันที่ 21 มีนาคม ปี พ.ศ 2562