ขอเอาสรุปส่วนหนึ่งของคุณนิ้วโป้งที่ได้สัมมนาในงาน Thailand Investment Fest 2016 เมื่อวันที่ 5-7 สิงหาคม 2559 แกะพื้นฐานหุ้นน่าลงทุน สไตล์นักลงทุน VI โดยคุณนิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ มาแชร์กันครับ
หนังสือหุ้นวีไอ (Value Investor) ที่เราอ่านๆ กันทุกวันนี้ เกิดมาจากประเด็นคำถาม 2 ประเด็น คือ 1.ซื้อหุ้นอะไร และ 2.ซื้อที่ราคาไหน ซึ่งหนังสือทุกๆ เล่มก็จะกล่าวโดยสรุปไปในทางเดียวกันก็คือ ให้ซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสมนั้นเอง
โดยหลักการในการเลือกซื้อหุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสมนั้นมีหลากหลายวิธี โดยในงานนี้ คุณนิ้วโป้งได้ยกตัวอย่างวิธีการซื้อหุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสมโดยใช้วิธี Top-Down Analysis ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่พวกกองทุนใช้คัดเลือกหุ้นเหมือนกัน
Top-Down Analysis นั้นคือ กระบวณการคัดสรรหุ้นโดยมองจากภาพใหญ่ก่อนแล้วค่อยๆ ย่อยรายละเอียดให้ลงเล็กเรื่อยๆ โดยอาจจะเริ่มจากการมองเทรนด์ของเศรษฐกิจมหภาคก่อน แล้วค่อยๆ ดูว่าบริษัทใดบ้างที่จะได้รับประโยชน์ เป็นต้น
วิธีการหาหุ้นแบบ Top-Down Analysis แบบง่ายๆ มีดังนี้ครับ
- Mega trend – มองภาพใหญ่ก่อนว่าในอนาคตเทรนด์อะไรจะมา และอุตสาหกรรมไหนได้ประโยชน์
- Industry – วิธีอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ว่ามีความสามารถในการแข่งขันอย่างไร
- Qualitative – วิเคราะห์ในเชิงคุณภาพ (เช่น ผู้บริหาร นโยบาย สตอรี่ต่างๆ) ว่าแต่ละบริษัทในอุตสาหกรรมนั้น บริษัทไหนมีคุณภาพที่ดีกว่า
- Quantitative - วิเคราะห์ในเชิงปริมาณ (เช่น อ่านงบการเงิน) ว่าแต่ละบริษัทในอุตสาหกรรมนั้น บริษัทไหนมีคุณภาพที่ดีกว่า
- Valuation – ประเมินมูลค่าหุ้น เพื่อหาราคาซื้อขายที่เหมาะสม
โดยตัวอย่าง มีดังนี้
- Mega trend – Aging society ในอนาคตประเทศไทยจะต้องเข้าสู่สังคัมผู้สูงอายุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเราก็วิเคราะห์ต่อว่า เทรนด์นี้จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไหนบ้าง ซึ่งจะได้เป็นพวกนี้คือ โรงพยาบาล ท่องเที่ยว ความสวยความงาม
- Industry – ในการวิเคราะห์อุตสาหกรรมนั้น วิเคราะห์ได้หลายแบบ โดยพี่นิ้วโป้งยกตัวอย่างการวิเคราะห์โดยใช้วิธี Five Forces Analysis ซึ่งสามารถเอาไว้ใช้วิเคราะห์สภาพแวดล้อมและควาเสี่ยงของอุตหกรรม Five Forces Analysis ประกอบด้วย
1. Rivalry among existing competitors: ดูว่าในอุสาหกรรมนั้นแข่งขันกันรุนแรงแค่ไหน ถ้าแข่งขันกันรุนแรงมากจะถือว่าไม่ดี
2. Threat of new entrants: ดูความยากง่ายในการเข้ามาในอุตสาหกรรม ถ้าหากว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใครก็เข้ามาทำได้ง่าย ถือว่าไม่ดี เพราะจะส่งผลให้มีการแข่งขันกันที่รุนแรงในอนาคต
3. Threat of substitutes: ดูว่าสินค้าหรือบริการของอุตสาหกรรมนั้นๆ สามารถใช้ทดแทนด้วยสินค้าอื่นได้หรือไม่ ซึ่งถ้าถูกทดแทนได้ง่ายจะไม่ดี
4. The bargaining power of buyer: ดูว่าลูกค้านั้นมีอำนาจต่อรองกับเรามากแค่ไหน ถ้าลูกค้ามีอำนาจกับเรามาก เช่น เป็นฝ่ายกำหนดราคาสินค้า ถือว่าไม่ดี
5. The bargaining power of supplier: ดูว่าซัพพลายเออร์ของเรานั้นมีอำนาจต่อรองกับเราแค่ไหน ถ้าซัพพลายเออร์มีอำนาจมาก เช่น สามารถกำหนดราคาต้นทุนของสินค้าเราได้ ถือว่าไม่ดี
โดยการประเมินโดยใช้ Five Forces Analysis นั้น เพื่อนๆ สามารถใช้การให้คะแนนในแต่ละหัวข้อว่ามากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เป็นตัวเปรียบเทียบในแต่ละอุตสาหกรรมก็ได้นะครับ
- Qualitative – ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นส่วนที่วิเคราะห์ยากที่สุด เพราะต้องใช้ประสบการณ์สูง เป็นส่วนที่ใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลแต่ละๆจะมองออกมาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความเฉียบคมของแต่ละคนจริงๆ
- Quantitative – ในส่วนนี้ ให้ระวังบริษัทที่ยอดขายลดลง เพราะมันมีมาจากว่า ไม่ตลาดเล็กลง ก็เสียมาเกตแชร์ (Market share) ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ดีทั้งคู่ ยังไงยอดขายเราก็ไม่ควรลดลง
- Valuation – การประเมินมูลค่านั้นมีหลากหลายวิธีอีกเช่นกัน ซึ่งแต่ละบริษัทจะใช้วิธีการประเมินที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นบริษัทที่มีรายได้และกำไรที่คาดการณ์ได้อย่างชัดเจน เราก็อาจจะใช้วิธี Discount Cash flow ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับบริษัทที่สามารถคาดการณ์กระแสเงินสดที่เข้ามาได้
ซึ่งหลังจากประเมินราคาที่เหมาะสมที่ควรซื้อแล้ว มันก็ถึงจุดที่เราจะต้องตัดสินใจในการซื้อหรือไม่แล้ว ถ้าหากราคามันแพงเกินไป เราอาจจะต้องรอ แต่ถ้าหากเราพอใจในราคานั้นแล้ว ก็จัดเลยครับ แต่อย่าลืมเรื่องการบริหารความเสี่ยงส่วนบุคคลด้วยนะครับ นี้เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างการคัดเลือกหุ้น หลายๆคนอาจจะมีวิธีที่ชอบของตัวเองอยู่แล้ว ส่วนใครที่ยังไม่มีวิธีการคัดเลือกหุ้นของตัวเอง
ดังนั้นที่แนะนำให้ค่อยๆ ศึกษาหาความรู้ข้อมูล ลองทำแต่ละวิธีไปเรื่อยๆ เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมกับสไตล์ของตัวเอง เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอหรอก แล้วคุณจะได้พบกับการลงทุนสไตล์ตัวเองที่ทำให้ท่านสามารถลงทุนได้อย่างมีความสุข ท้ายสุดนี้ขอฝากคำพูดของคุณนิ้วโป้งที่โดนใจเหลือเกินให้เพื่อนๆ ไว้คิดนะครับ
“คนที่จะเลี้ยงท่านตอนท่านแก่ชรานั้น ไม่ใช่ใครหรอก เค้าคือตัวท่านเองในตอนหนุ่มสาวนั้นแหละ”