ห้องเม่าปีกเหล็ก

ฟันธงทองคำ ปี64

โดย dave
เผยแพร่ :
61 views

ฟันธงปี 64 ทองคำเป็นขาขึ้น ลุ้นทำนิวไฮด์ใหม่ที่ 2,250 ดอลลาร์

แม้ปีที่ผ่านมาราคาทองคำจะพุ่งขึ้นสูงจนทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่ในปี 2564 นี้การลงทุนในทองคำยังคงน่าสนใจ เนื่องจากผลกระทบของ Covid-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง ส่งผลให้หลายประเทศต้องใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภค โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่ล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรมีมติผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19


การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกันหลายประเทศทั่วโลก ทำให้เงินที่หมุนเวียนเข้าสู่ระบบมีจำนวนมหาศาล นักลงทุนจึงมองหาสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุน ซึ่งทองคำก็อีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับอานิสงส์นั้นเช่นกัน

 

ปี 2564 ทองคำยังเป็นขาขึ้น

คุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ให้มุมมองกับ Wealthy Thai ว่า แนวโน้มราคาทองคำปี 2564 ยังสดใส โดยมีโอกาสปรับขึ้นต่อ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ทำให้ธนาคารกลางแต่ละประเทศต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวนมาก และด้วยสภาพคล่องที่ล้นทะลักส่งผลให้เงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งจะไหลเข้ามาหาผลตอบแทนในทองคำ ทำให้ราคาทองคำยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง

 

“เงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบไหลเข้าทั้งหุ้นและบิทคอยน์ จนราคาพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ในขณะที่ทองคำยังไม่ได้ปรับขึ้นสูงจนทำจุดสูงสุดใหม่ จึงมองว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นได้อีก”

 

ทั้งนี้ ทองคำยังเป็น  “Safe Haven” หลักที่นักลงทุนเลือก โดยแนะนำ “ซื้อ” ให้แนวต้านที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และอาจปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ บนเงื่อนไขที่ธนาคารกลางยังมีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำไปอีก 2-3 ปี ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในพอร์ตให้น้ำหนัก 20%

 

ทองคำอาจทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ด้านคุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ก็มีมุมมองในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า แนวโน้มราคาทองคำปี 2564 ยังเป็นขาขึ้น มีโอกาสจะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งแนวต้านแรกราคาทองคำควรทดสอบที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และจุดสูงสุดเดิม หากผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ ประเมินแนวต้านถัดไปที่ระดับ 2,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์


“มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นสูงเท่าปีก่อน เพราะตั้งแต่เปิดปี 2564 มาราคาทองคำก็ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่ยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาหนุน ยังเป็นปัจจัยเดิมๆ ที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ แม้วัคซีนต้าน Covid-19 จะออกมาแล้วแต่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าวัคซีนจะเข้าถึงทุกคน ในขณะที่หลายประเทศจำนวนผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงและประกาศล็อกดาวน์ออกมาต่อเนื่อง หรือในไทยที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้น และวัคซีนล็อตแรกจะเข้ามาเดือนก.พ. ส่วนอีกล็อตอย่างเร็วก็ปลายปี ซึ่งจะเป็นภาพแบบนี้ไปทั่วโลก”

 

ประเมินดอกเบี้ยนโยบายต่ำถึงปี 2566

โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปีนี้ยังปรับขึ้นต่อได้ เนื่องจากประเมินว่าแม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนแต่ยังเป็นภาพของการชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางหลายประเทศต้องออกนโยบายผ่อนคลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่งผลให้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปถึงปี 2566 นอกจากนี้ การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยปี 2563 เฟดใช้วงเงินประมาณ 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 25% ของจีดีพี จะกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ทำให้คนที่ลงทุนในดอลลาร์มีความกังวลมากขึ้น และอาจโยกเงินมาลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งทองคำก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

 

แบนเที่ยวบินแอฟริกาอาจกระทบดีมานด์-ซัพพลาย “ทองคำ” ในตลาดโลก

นอกจากปัจจัยหนุนดังกล่าวแล้ว ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็น 1 ในผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก พบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส Covid-19 ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อวันที่ 4 ม.ค. 63 ทะลุ 2,830,462 ราย จนหลายประเทศออกคำสั่งระงับการเดินทางเข้า-ออกจากแอฟริกาใต้แล้ว ทั้งนี้ หากสถานการณ์ในแอฟริกาใต้เลวร้ายลงอาจส่งผลกระทบกับการส่งออกทองคำ และทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นได้

 

จับตาปัจจัยฉุดราคาทองคำ

จากปัจจัยสนับสนุนที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ยังแนะนำ “ซื้อ” ทองคำ โดยรอจังหวะที่ราคาทองคำย่อตัวลงค่อยทยอยซื้อสะสม ขณะเดียวกันก็กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย ให้นำหนักการลงทุนทองคำในพอร์ตประมาณ 5-10% หรือมากที่สุด 15% ทั้งนี้ อาจไม่ได้เห็นราคาทองคำต่ำมากนัก คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,900-1,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์


อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสัญญาณที่บ่งบอกว่าทองคำหมดความน่าสนใจ คือ การระบาดของ Covid-19 คลี่คลาย เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทำให้คนเริ่มมั่นใจและกลับมาจับจ่ายใช้สอย ตัวเลขการจ้างงานกลับมาปกติ เชื่อว่าเทรนด์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะค่อยๆ กลับมาทุกประเทศทั่วโลก ทำให้คนอาจโยกเงินจากทองคำไปลงทุนในสินทรัพย์ตัวอื่นที่เชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าซึ่งอาจทำให้ทองคำหมดความน่าสนใจลง

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave