เช็กเลย!! 15 หุ้นที่ต่างชาติซื้อมากสุด CPALL ยืนหนึ่ง มูลค่าพุ่งเกิน 2 พันล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยยังคงมีเสน่ห์ เห็นได้จากต่างชาติที่ยังคงซื้อหุ้นไทยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับในภูมิภาค แม้ปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีปัจจัยความเสี่ยงรุมเร้าเข้ามาไม่หยุด ทั้งด้านปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจรวม และเห็นการปรับลดประมาณการ GDP ลดลง ดังนั้นบทความนี้ Wealthy Thai จึงได้รวบรวมหุ้นที่ต่างชาติเข้าซื้อมากสุดในเดือนเมษายน (สิ้นสุดวันที่ 20 เมษายน 65 ) มาฝากนักลงทุน
สะท้อนจากมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ที่ออกมาประเมินเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งมีใจความสำคัญ คือ แม้ในช่วงนี้ นักลงทุนจะอยู่ในช่วงกังวลสภาพคล่องส่วนเกินในสินทรัพย์เสี่ยงจะลดลง แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยยังพอเห็นเม็ดเงินที่ไหลเข้าต่อ โดยใน 2 วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3.4 พันล้านบาท หนุน SET Index ปรับตัวขึ้น 12 จุด หรือ 0.7% รวมถึงหนุนยอดซื้อสุทธิเดือน เม.ย. (mtd) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท ถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ถูกขายสุทธิ ดังตารางทางด้านล่าง
ภายใต้ปัจจัยภายนอกผันผวน ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหามีหุ้นอะไรที่ต่างชาติทยอยซื้อสะสมสุทธิปริมาณมากในเดือน เม.ย. (mtd) ซึ่งน่าจะทำให้เห็นทิศทาง และแรงผลักในกลุ่มนั้นๆ Outperform ต่อเนื่องได้ ได้ผลลัพธ์ 15 หุ้น ที่ต่างชาติซื้อสุทธิมากสุดในเดือน เม.ย. (mtd) ดังตารางทางด้านล่าง
CPALL ขึ้นแท่นหุ้นที่ต่างชาติเข้าซื้อมากสุด
มุมมองของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุว่า คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ของ CPALL ที่ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 54%จากไตรมาสก่อน ซึ่งไม่คิดว่าจะมีรายการพิเศษ ดังนั้นกำไรปกติไตรมาสนี้จะอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน โดยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากการจัดหาเงินทุนมาใช้ในดีล Lotus’s ที่ลดลง จะมากเกินพอชดเชยส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ลดลงหลังจากเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้น CPALL จะประกาศผลประกอบการวันที่ 11 พ.ค.
ทั้งนี้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/5 ของ CPALL จะอยู่ในระดับที่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล แต่จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเกิดจากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสำหรับดีล Lotus’s ของ CPALL ที่ลดลง (ประเมินต้นทุนทางการเงินรวมทั้งหมดได้ที่ระดับเฉลี่ย 3.3% ต่อปีในไตรมาส 2/65 เทียบกับ 7.4% ต่อปีในไตรมาส 2/64)
ขณะเดียวกันคาดว่า CPALL จะรายงานกำไรปกติเพิ่มขึ้นในปี 2565 สู่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 73%จากปีก่อน โดยการเติบโต 10%จะเกิดจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจาก CPALL ได้รีไฟแนนซ์หนี้ที่เกี่ยวขอ้ งกับดีล Lotus’s จาก bridging loan ระยะสั้น เป็นหุ้นกู้ระยะยาวแล้วในเดือนมี.ค. และมิ.ย. 2564 (ต้นทุนทางการเงินรวมทั้งหมดอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 3.3% ต่อปีในปี 2565 เทียบกับ 4.6% ต่อปีในปี 2564),
ส่วนการเติบโตอีก 21% เกิดจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจากMAKRO และ Lotus’s (การเติบโตของธุรกิจปกติและประโยชน์จากการผนึกกำลังทางธุรกิจ) ภายใต้โครงสร้างการถือหุ้นใหม่ และที่เหลือเกิดจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ฟื้นตัวดีขึ้น เพราะ SSS และมาร์จิ้นจะปรับตัวดีขึ้นจากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้นและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ COVID ที่ลดลง
สำหรับจุดเด่น CPALL เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อชั้นนำในประเทศไทย โดยมีร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยรวมทั้งหมด 13,134 สาขา ณ สิ้นปี 2564 ขณะเดียวกัน บริษัทก็ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น บริการรับชำระค่าสินค้า และบริการ (บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด), ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี่ (บริษัท ซีพีแรม จำกัด), สถาบันการศึกษา (บริษัท ศึกษาภิวัฒน์ จำกัด) และจำหน่ายสินค้า ผ่านแคตตาล็อกและอีคอมเมิร์ซ (บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด) และ ฯลฯ