“ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในวัย 81 ปี ที่ยังดูกระฉับกระเฉง และไฟแรงในการคิดและมองอนาคตอยู่ตลอดเวลา ได้ถ่ายทอดวิธีคิดต่าง ๆ ในฐานะผู้นำองค์กร ผู้เต็มไปด้วยประสบการณ์ และไม่เคยหยุดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พร้อมทั้งเปิดเผย 4 กฏเหล็กในการบริหารคนและองค์กร
ซีพี เลือกร่วมงานกับคนเก่งทั่วโลก
ซีพีเป็นบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีน หลังจากจีนเริ่มเปิดประเทศในปี พ.ศ. 2521 ดังนั้น หากพูดถึงโควิด-19 ซีพีก็ได้เรียนรู้บทเรียนและประสบการณ์จากกรณีอู่ฮั่น ในประเทศจีน ซึ่งได้ถ่ายทอดสู่ประเทศไทยในการรับมือกับการระบาดของไวรัส COVID-19 หากพูดถึงผลกระทบต่อประเทศจีน ต้องถือว่าไม่มาก และปรับตัวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการจัดส่งอาหารถึงบ้าน ที่มีการเชื่อมโยงชุมชนในการกระจายสินค้า และการดูแลด้านความปลอดภัยแบบครบวงจร ทำให้ไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนอาหาร และพนักงานทุกคนมีรถรับส่ง และมีที่พักภายในโรงงาน ทำให้มั่นใจได้ว่าจะผลิตอาหารได้อย่างต่อเนื่อง
ปลายปี 2559 ซีพีซื้อกิจการของบริษัท เบลลิซิโอ ฟู้ด อิ้งค์ (Bellisio) ในอเมริกา ผู้นำด้านการผลิตอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตลาดอเมริกามีศักยภาพมาก จำนวนประชากรมากถึง 325 ล้านคน คิดเป็น 5% ของประชากรโลก และมีกำลังซื้อสูง ประกอบกับยังมีมูลค่าธุรกิจอาหารมากกว่า 5.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตลาดอาหารแช่แข็งและอาหารกินเล่นมีอัตราเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4-5% ต่อปี ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพีราว 19 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพีของโลก นอกจากนี้ อเมริกาเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและรีเสิร์ชที่ซีพีต้องเรียนรู้ และนำมาใช้กับธุรกิจอีกมาก
“ในอเมริกามีซูเปอร์มาร์เก็ต พวกวอลมาร์ท คาลเท็กซ์ ประมาณ 7 หมื่นแห่ง เรามีเครือข่ายการขายข้าวกล่อง อาหารสำเร็จรูป 5 หมื่นแห่งในอเมริกา มีโรงงานอยู่ 2 แห่ง แล้วกำลังจะไปขยายโรงงานผลิตอาหาร เราใช้เครื่องจักรหุ่นยนต์อัตโนมัติหมด เพราะมันผิดพลาดไม่ได้เลยสำคัญมาก”
ซีพีขยายตลาดในยุโรป ซื้อกิจการอาหารพร้อมรับประทาน “ท็อปส์ฟู้ดส์” ในเบลเยียม เพื่อขยายฐานการผลิตและกระจายสินค้าไปในยุโรป
ในอินเดียไปลงทุนมามากกว่า 20 ปี ล่าสุด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศลงทุนในธุรกิจค้าส่ง Cash & Carry ด้วยเงินลงทุน 10,000 ล้านรูปี ใน 5 ปีแรก
ซีพีเวียดนาม มีธุรกิจตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานแปรรูป และจุดจำหน่าย ครอบคลุมทั้งในสัตว์บกและสัตว์น้ำ ซึ่งถ้าพิจารณาดี ๆ จะเห็นว่าซีพีเวียดนามยกโมเดลธุรกิจแบบครบวงจรจากประเทศไทยไปดำเนินการ
ส่วนในรัสเซีย มีคนอยู่ประมาณ 140 ล้านคน ซีพีได้ขยายฐานซื้อบริษัทไก่ครบวงจรในประเทศรัสเซีย เมื่อรวมกับธุรกิจสุกรที่ซีพีได้ลงทุนอยู่แล้ว ก็จะมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตจากการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่หลากหลาย
ขยายตลาดทั่วโลกตามวิถีของซีพี
การที่ซีพีสามารถไปปักธงการลงทุนได้ทั่วโลก เพราะธุรกิจหลักเป็นเรื่องของการเกษตร เป็นอาหาร และวันนี้เป็นเกษตรกรที่ทันสมัยด้วย เพราะเมื่อก่อนเราเป็นน้องเล็ก เราไม่เก่ง ประเทศไหนเก่งเราก็ไปเรียนรู้กับเขา เขาก็ยินดีที่จะสอนเรา ประเทศเก่งต่อเก่ง เขาไม่ได้สอนกันนะ ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในตองอู
“แต่เราไปแบบคนตัวเล็ก ๆ แล้ววัฒนธรรมไทยมันยอดเยี่ยมมาก คนไทยไปไหนไม่ถูกรังเกียจนะ ผมไปทุกประเทศเลยครับ แล้วเอาของดีที่สุดของเขามาประยุกต์แล้วก็มาทำ กลายเป็นเราเก่งกว่าเขาอีก บางทีเขาตกใจเหมือนกันนะ เอ๊ะ! ผมสอนคุณอย่างนี้ แล้วทำไมคุณทำได้เหนือกว่าผม แต่ผมไปเอาอีกประเทศหนึ่งที่เขาเก่งกว่าเขาใส่เข้าไป ได้ของดีที่สุดมา นี่คือความสำเร็จของซีพี”
ซีพีไปลงทุนที่ไหนเราจะเอาธงชาติไทยไปปักทั้งที่หน้าโรงงานและออฟฟิศ ผมต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ซีพีถ้าไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ซีพีก็ไม่ได้วันนี้หรอกครับ คุณพ่อผมธุรกิจที่เมืองจีนถูกยึดไปหมดแล้วล่ะ หมดตัวแล้ว
เราไปก็อย่าวางตัวเป็นนาย ถ้าเขามีคนเก่งเรายกให้เขาทำ ในบริษัทเราจะมีคนเก่ง ๆ สักกี่คนที่จะไปทำงานต่างประเทศได้ คนเก่งบางคนก็ไม่ได้ชอบไปอยู่ต่างประเทศ ผมเองยังไม่อยากอยู่ ไม่มีประเทศไหนผมไปอยู่แล้วประทับใจเลย
“เวลาไปเราต้องไปแบบถ่อมตัว ตำแหน่ง CEO อะไรก็ให้เขาไป เพราะเขารู้ดีกว่าเรา แต่เรื่องการเงินเราต้องดูแลเอง ส่งคนไทยเข้าไป คนในพื้นที่มีคนที่เหมาะสมดีเราก็สร้างเขาขึ้นมา ก็ใช้วิธีนี้แหละครับ”
คนของซีพีทุกคนต้องทำเงินเป็น ทุกคนต้องคิดแบบเถ้าแก่
ผมบอกว่าคนของซีพีทุกคนต้องทำเงินเป็น ทุกคนต้องคิดแบบเถ้าแก่ ทำแบบเถ้าแก่ แล้วก็ให้มีรายได้สูง คืออย่าไปนึกว่าจ้างถูกๆ กำไรจากแรงงาน ถ้าซีพีคิดว่าเพราะเราไปจ้างแรงงานถูกๆ แล้วเรากำไรจากแรงงานนั้น ก็คือเราคิดแบบเก่าแล้ว เป็นยุคสมัยทาสแล้ว เราต้องทำให้เงินเดือนเขาสูง และทำให้ประสิทธิภาพเขาสูงด้วย ต้องคิดอย่างบวก คนส่วนใหญ่จะคิดว่าค่าใช้จ่ายสูงอยู่ไม่ได้แล้ว เราต้องลดคนแล้ว สุดท้ายลดไปลดมางูกินหาง
“คนไม่เข้าใจ คิดว่าการอยู่รอด ต้องปลดคน เซฟค่าแรงงานคน นี่ผิดแล้ว นี่ถอยหลังเข้าคลองแล้ว ผมต้องคิดว่าทำยังไงให้เงินพนักงานเขามากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง ”
ต้องเป็นผู้นำที่มีไฟตลอดเวลา
ผมไม่ชอบทำอะไรที่มีคนเป็นพระเอกอยู่แล้ว เรามาสู้กันอาจจะตายทั้งคู่นะ หรือไม่ตายคนหนึ่ง เข้าไอซียูคนหนึ่ง ผมมีคน มีกำลัง เลยเลือกธุรกิจตัวที่ไม่มีใครทำเลยง่ายหน่อย ผมเคยพูดกับทีมงานว่าถ้าเราไปเลือกทำในที่ไม่มีคู่ชกต่อย ต่อยสะดุดขานับสิบ เราก็ยังเป็นแชมป์ ถ้าเราไปต่อยกับคนที่เก่งอยู่แล้ว เขาอาจจะชนะ เพราะเขาชำนาญกว่าเรา เราเข้ามาใหม่ ต้องไปเรียนรู้เพื่อไปสู้กับคนที่รู้ดีอยู่แล้ว เปลืองเวลาทำไม เราต้องเลือกของที่มีอนาคต ผมไม่ชอบทำอะไรที่ไม่มีอนาคต แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ผมถึงจะทำ รวยยังไงถ้าไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ผมก็ไม่ทำ
“แล้วคนเข้าใจผมผิด เพราะผมไปได้ทั่วโลก ทำไมต้องมาสู้กันในเมืองไทย ถ้าผมทำโรงพยาบาล ผมก็จะทำแบบใหม่ถ้าไม่ได้แบบใหม่ผมก็ไม่ทำ ผมจะทำให้หมอมีรายได้มากขึ้น สบายขึ้น แต่คนไข้จ่ายน้อยลง”
สุดท้าย เจ้าสัวธนินท์ยังได้บอกอีกว่าท่านชอบคุยกับคนรุ่นใหม่ๆ
“เด็กพวกนี้ เหมือนลูกวัวไม่กลัวเสือ เวลามาคุยด้วยไม่มีกลัว กล้าพูด กล้าออกความคิดเห็น ทำให้ผมได้รู้อะไรใหม่ ๆ ไปด้วย”
ที่มา : marketeer online