เปิดพอร์ตหุ้นทายาท “คิง เพาเวอร์”
มูลค่ารวมกันกว่า 3 พันล้านบาท
.
กลุ่ม “คิง เพาเวอร์” หนึ่งในบริษัทชั้นของไทย ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากร ก่อตั้งเมื่อปี 2532 โดย “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ซึ่งปัจจุบันถือเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และยังเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลอาชีพของประเทศอังกฤษอีกด้วย
.
สำหรับ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” มีทายาททั้งหมด 4 คน โดยนอกจากการบริหารธุรกิจแล้ว ทายาทตระกูล “ศรีวัฒนประภา” ทั้ง 4 คน ยังมีการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอีกด้วย ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลผ่าน setsmart.com พบว่า มีมูลค่ารวมกันสูงถึง 3.3 พันล้านบาท โดยทายาททั้ง 4 คน มีการลงทุนให้หุ้นตัวไหนบ้าง Wealthy Thai หาคำตอบมาให้แล้ว
.
เริ่มกันที่ นางสาว วรมาศ ศรีวัฒนประภา มีการลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียวก็คือบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD จำนวน 150 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 15 มีนาคม 2566) ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1.38 พันล้านบาท (อ้างอิงจากราคาหุ้น ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2566)
.
ถัดมาที่ นาย อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา มีการลงทุนในหุ้นของ 2 บริษัท ประกอบไปด้วย บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS จำนวน 43 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 19 เมษายน 2566) และบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE จำนวน 20 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มีนาคม 2566) ทั้ง 2 บริษัทคิดเป็นมูลค่ารวมกันที่ 671 ล้านบาท (อ้างอิงจากราคาหุ้น ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2566)
.
ต่อมานางสาว อรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา ลงทุนหุ้น 2 บริษัทเช่นกัน คือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS จำนวน 47 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 19 เมษายน 2566) และบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE จำนวน 20 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มีนาคม 2566) โดยทั้ง 2 บริษัทคิดเป็นมูลค่ารวมกันที่ 730 ล้านบาท (อ้างอิงจากราคาหุ้น ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2566)
.
และสุดท้าย นาย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา มีการลงทุนในหุ้นถึง 4 ตัว คือ บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP จำนวน 250 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 15 มีนาคม 2566) , บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP จำนวน 84 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2566)
.
รวมถึง บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ CFRESH จำนวน 20 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566) และบริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK จำนวน 12 ล้านหุ้น (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2566) โดยคิดเป็นมูลค่ารวมกันที่ 565 ล้านบาท (อ้างอิงจากราคาหุ้น ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2566)
