WHA เพิ่มเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 1,650 ไร่ คาดกำไรทำสถิติสูงสุด

.
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่กลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า บริษัทฯ ปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 1,650 ไร่ แบ่งเป็นไทย 1,400 ไร่ และเวียดนาม 250 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมปีนี้ที่ 1,250 ไร่ แบ่งเป็นไทย 950 ไร่ เวียดนาม 300 ไร่ เนื่องจากมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากการเปิดประเทศ
.
โดยผลงานทั้งในส่วนของรายได้และกำไรคาดว่าปีนี้จะทำจุดสูงสุด (All Time High) ซึ่งจากการปรับเป้าหมายขายที่ดินดังกล่าวทำให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นด้วย โดยปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 1,100 ไร่ และคาดว่าจากเป้ายอดขายดังกล่าวจะทำให้ยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ต่อเนื่องไปถึงปีหน้ารวมประมาณ 1,000 ไร่
"เรามี Backlog อีกมาก และมีเตรียมทำสัญญาใหญ่ ๆ ช่วงไตรมาส 3/65 อีกหลายร้อยไร่ ทำให้เรามั่นใจมากว่ายอดขายมีโอกาสทะลุ 1,650 ไร่ ซึ่งเวียดนามมีความต้องการมากกว่านี้ แต่ความล่าช้าการพัฒนาที่ดินช่วงโควิด-19 ระบาด จึงยังไม่ได้ใบรับรอง IRC ในการส่งมอบพื้นที่ ทำให้โปรเจ็กดีเลย์ไป แต่ปีหน้ายอดขายในส่วนนี้จะพุ่งขึ้น " นางสาวจรีพรกล่าว
.
โดยในช่วงไตรมาส 3/65 นี้ บริษัทฯ เตรียมพัฒนานิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE4 เฟส 2 จำนวน 580 ไร่ ซึ่งปัจจุบันผ่านเรื่องการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) เรียบร้อยและเตรียมพัฒนาต่อ ส่วนในปี 66 บริษัทฯ เตรียมพัฒนา WHA IER เฟส 1 จำนวน 1,000 ไร่ เป็นลำดับถัดไปตามแผน ส่วนการขยายนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม ระบุว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกสัญญาร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อพัฒนาพื้นที่ดานัง
.
ด้านธุรกิจสาธารณูปโภคบริษัทฯ คาดว่าความต้องการในนิคมอุตสาหกรรม คาดเติบโต 12.6 ล้านลูกบากศ์เมตร/ปี โดยมียอดขายน้ำ 153 ล้านลูกบากศ์เมตร และธุรกิจพลังงานวางเป้าหมายลงนามตกลงการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ (PPA) ปีนี้ 150 เมกะวัตต์ ทำให้ถึงสิ้นปีนี้จะมี PPA รวมที่ 700 เมกะวัตต์ ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ยังมีโปรเจ็กในมืออีกกว่า 3 แสนตารางเมตร ซึ่งอยู่ระหว่างคุยกับลูกค้า
.
นอกจากนี้จากประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศชของจีน ทั้งระหว่างสหรัฐฯ หรือแม้แต่ไต้หวัน รวมถึงปัญหาใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือการใช้พลังงานมากจนเกิดภาวะร้อนแล้ง ซึ่งภาครัฐฯ มีคำสั่งให้โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิต เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ไฟ จากประเด็นเหล่านี้ ทำให้บริษัทฯ ต่างๆ วางแผนขยายฐานลงทุน ส่งผลบวกต่อกลุ่มฐานการผลิตใน ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
.
***********************************