เรื่องเล่าว่าด้วยราคาน้ำมัน แนวโน้มขาขึ้นกำลังมา
ราคาน้ำมันส่งสัญญาณขาขึ้นอีกครั้ง เมื่อทำสถิติแตะระดับสูงสุดในปีนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่บรรดาธุรกิจน้ำมันและนักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันในปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 60-70 เหรียญ/บาร์เรล
ในปีนี้ “เรื่องเล่า” หรือ “ปัจจัย” ที่มีผลต่อราคาน้ำมันหลัก ๆ อยู่ที่การต่อสู้กันของผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก คือ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรนอกกลุ่ม หรือ เรียกว่า OPEC+ กับสหรัฐฯที่พลิกผันมาเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน
ส่วนปัจจัยอื่น ไม่ว่าจะเป็นการยุติสงครามการค้า หรือ สถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือ การเมืองระหว่างประเทศกรณีของอิหร่าน เป็นปัจจัยที่เรียกว่า “เกิดเป็นปกติ” เพราะน้ำมันเป็น “สินค้าการเมือง”
ปัจจัยที่ผลักดันจริง ๆ ก็เรื่องกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศที่ผลิตน้ำมัน และ เป็น “เกม”แห่งผลประโยชน์ระดับโลกขนานแท้ ระหว่างกลุ่ม OPEC+ กับ สหรัฐ
เมื่อครั้งสหรัฐเริ่มผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการเปิดสัมปทานในประเทศ ส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่ขึ้นไปกว่า 100 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาที่จูงใจให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีการขุดเจาะในสหรัฐ หรือ เชลล์ออยล์
จากนั้นมาสหรัฐก็กลายเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกและมีแนวโน้มจะส่งออกมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่กำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ก็ยังมีบทบาทต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ยามใดที่มีการปรับลดกำลังการผลิต ราคาก็ขยับขึ้น และทุกครั้งที่ราคาขยับ ฟากสหรัฐก็จะปั้มน้ำมันออกสู่ตลาดมากขึ้น
แต่หากพิจารณาจากปีที่ผ่านมา ในช่วงเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ ที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่า 70 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อปีที่แล้ว จากกลุ่ม OPEC+ ลดกำลังการผลิต ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องออกกำลังภายในอย่างหนักในล็อบบี้ให้กลุ่ม OPEC+ ปรับเพิ่มกำลังการผลิต เพราะราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐด้วย นั่นหมายถึงกระทบต่อคะแนนเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์
ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว กลุ่ม OPEC+ ไม่พอใจในระดับราคาน้ำมัน ทำให้มีการตกลงลดกำลังการผลิตลง ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันเริ่มขยับขึ้น จากระดับ 40 กว่าเหรียญ จนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทะลุ 57 เหรียญ/บาร์เรล
ซาอุดิอาระเบีย ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม OPEC เดินหน้าลดกำลังการผลิตลงเรื่อย ๆ และดูเมือนจะลดลงมากกว่าโควต้าที่ตกลงกันไว้เสียอีก อีกทั้งยังประกาศว่าหากราคายังไม่น่าพอใจก็จะปรับลดกำลังการผลิตลงอีกในเดือนมี.ค.
เมื่อดูจาก “เรื่องเล่า”ในตลาดน้ำมันโลก ยังเป็นศึกเรื่องราคา ระหว่าง 2 กลุ่มใหญ่ในฐานะผู้ผลิตน้ำมัน แต่ใครจะชนะในศึกนี้ระหว่างกลุ่ม OPEC+ กับผู้ผลิตจากสหรัฐ ที่เป็นฐานเสียงและผู้สนับสนุนประธานธิบดีทรัมป์
แต่หากดูจากปีที่แล้ว สหรัฐยังไม่อาจเพิ่มกำลังการผลิตจนมากพอ เพื่อคานอำนาจของกลุ่ม OPEC+ ได้ หากกลุ่มนี้พร้อมใจกันลดกำลังการผลิตเมื่อใด ราคาน้ำมันก็จะขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ต้องจับตารัสเซียว่าจะปรับลดกำลังการผลิตตามที่ตกลงกันแล้วเมื่อไร เพราะยังลดไม่ถึงโควต้าที่ตกลงกันไว้
เมื่อดูจากทิศทางในขณะนี้ ซึ่งราคาน้ำมันขยับรับข่าวความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นจากการยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน แต่ราคา “ของจริง”กำลังจะตามมา ยิ่งหลายประเทศไม่พอใจบทบาทของสหรัฐมากเท่าไร โดยเฉพาะรัสเซีย เราอาจเห็นราคาพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วก็เป็นได้
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..