ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องอนาคต 5 หุ้นโรงไฟฟ้ารายใหญ่

โดย อิคคิวซัง
เผยแพร่ :
187 views

ส่องอนาคต 5 หุ้นโรงไฟฟ้ารายใหญ่

ต้นทุนลด-ค่า Ft พุ่ง หนุนผลงานโตแกร่ง

.

ประกาศครบแล้ว สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/65 ของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ดังนั้น Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาฉายภาพอนาคตของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ารายใหญ่ของตลาดหุ้นไทยว่าจะมีความน่าสนใจหรือไม่ จะมีการเติบโตได้แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น GULF, GPSC, BGRIM, RATCH และEGCO

.

ล่าสุดนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มโรงไฟฟ้า “มากกว่าตลาด” โดยมองว่าการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 2566 เพิ่มในระดับ +64.88-131.55 สตางค์/หน่วย และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวลงจะส่งผลให้กำไรปกติในปี 2566 ของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP สามารถฟื้นตัวได้ทุกไตรมาสเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามีประเด็นการเก็งกำไรในระยะกลาง คือการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ของ กกพ. จำนวน 5.2 GW (คาดทุกบริษัทในกลุ่มฯเข้าร่วม) โดยให้ BGRIM (ราคาเป้าหมาย 43 บาท) , GPSC (ราคาเป้าหมาย 72 บาท) และ SSP (ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท) เป็น Top Picks ของกลุ่มโรงไฟฟ้า

.

ทั้งนี้ BGRIM และ GPSC หนุนจากกำไรที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวเพราะ 1.ค่า Ft ที่ปรับขึ้นทุก 1 สตางค์/หน่วย จะส่งผลต่อกำไรของ BGRIM และGPSC ราว 21 ล้านบาท/ปี และ 63 ล้านบาท/ปี และ 2.ต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงทุก 1 บาท/ล้านบีทียู

.

จะส่งผลให้กำไรของ BGRIM และ GPSC เพิ่มขึ้นราว 17 ล้านบาท/ปี และ 25 ล้านบาท/ปี ขณะที่ SSP จะได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft และโอกาสในการได้กำลังผลิตเพิ่มจากการเปิดรับซื้อไฟฟ้ารอบใหม่

.

สำรวจปัจจัยพื้นฐาน 5 หุ้นโรงไฟฟ้ารายใหญ่

GULF โดยนักวิเคราะห์บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/65 คาดมีประเด็นเก็งกำไรหลัก 3 ประเด็น 1.การยื่นข้อเสนอขายไฟให้กับ กกพ. ตามแผนรับซื้อของ กกพ. ที่ 5.2GW 2.การเปิดเผยแผนการลงทุน Data center และ 3.การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในยุโรปเพิ่มเติม

.

โดยคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของ GULF ในไตรมาส 4/65 การขายไฟของ IPP และ GJP คาดว่าจะฟื้นตัว โรงไฟฟ้า SPP ได้ประโยชน์จากค่า Ft ที่สูงขึ้นมีผลเต็มไตรมาส ขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงจากไตรมาสก่อน และยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 170MW ที่ถือในสัดส่วน 50% จากการซื้อเงินลงทุนจาก GUNKUL เต็มไตรมาสครั้งแรก

.

รวมถึงการเข้าสู่ High season ของ BKR2 และการ COD หน่วยที่ 4 ของ GSRC อีกกว่า 660MW เต็มไตรมาส คาดกำไรปกติมีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ ที่ 3,300 ล้านบาท ขึ้นไป ดังนั้นคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 18,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น57.2%จากปีก่อน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 66 บาท

.

GPSC โดยนักวิเคราะห์บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มองผลประกอบการไตรมาส 4/65 จะเริ่มเห็นจุดเปลี่ยน คาดกำไรเติบโตจากไตรมาสก่อน เป็นจุดสูงสุดของปี หนุนจากการรับรู้ค่า Ft สูงขึ้นเต็มไตรมาส, โรงไฟฟ้าหยุดซ่อมบำ รุงลดลง,ต้นทุนเชื้อเพลิงประคองตัว - ลดลง และรับรู้เงินเคลมประกันภัย 20-30 ล้านเหรียญฯ คาดกำไรทั้งปี 65 ที่ 3.0 พันล้านบาท ลดลง 59%จากปีก่อน

.

มองข้ามไปปี 2566 คาดกำไร 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากปี 2565 เพราะอัตรากำไรการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ของโรงไฟฟ้า SPP ทยอยฟื้นตัวเพราะค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นตามค่า Ft ขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิง

.

ก๊าซธรรมชาติและถ่านหินไม่สูงกว่าปีนี้ ล่าสุด ต้นทุน LNG Asia spot อยู่ที่ 27 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากจุดสูงสุดปลาย เดือน ส.ค.ระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู คงแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท โดยประมาณการยังมี Upside จากผลการเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5.2 GW ของภาครัฐ คาดรู้ผลประมูลไตรมาส 1/66

.

BGRIM โดยนักวิเคราะห์บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มองว่ากำไรปกติไตรมาส 3/65 เป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/65 โดยได้แรงหนุนจาก 1.การรับรู้แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft

.

รอบเดือน ก.ย. - ธ.ค. แบบเต็มไตรมาส 2.ต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มปรับตัวลงจากไตรมาสก่อน จากสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย (ก๊าซธรรมชาติต้นทุนต่ำ ) ที่เพิ่มสูงขึ้นและสัดส่วนการใช้ LNG นำเข้าที่ลดลง (ต้นทุนสูงกว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมาก) โดยคาดกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 330 ล้านบาท ลดลง 85% จากปีก่อน

.

หากมองไปปี 2566 คาดกำไรปกติสามารถเติบโตจากปีก่อน ได้ต่อเนื่องทุกไตรมาสเพราะต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวลงจากฐานที่สูง (คาดเริ่มปรับตัวลงตั้งแต่ครึ่งแรกปี 66) และค่า Ft ที่มีปรับตัวลงช้ากว่าต้นทุน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จึงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท

.

RATCH โดยบล. ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 53 บาท หลังรวมโครงการใหม่ NEJV เข้ามาในประมาณการทั้งนี้ Key catalyst ของ RATCH คือโอกาสในการได้โครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ร่วมกับพันธมิตรในอนาคต

.

อย่างไรก็ตามปรับประมาณการกำไรปกติปี 65 ลงมาที่ 7.1 พันล้านบาท แต่ยังเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน จาก dilution effext หลังเพิ่มทุน หลังโครงการ Paiton 0.9 GWe ยังปิดดีลไม่เสร็จ คาดเลื่อนไปรับรู้ในไตรมาส 1/66 จากเดิมประเมินเข้ามาในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ในขณะที่กำไรปกติปี 66 ปรับขึ้นมาที่ 9.1 พันล้านบาท โต 27% จากปีก่อน หลังรวมโครงการ NEJV 1.5GWe (เปิดดำเนินการแล้ว 0.4GWe) เข้ามาในประมาณการ

.

สุดท้าย EGCO โดยบล. เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 คาดกำไรปกติจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน เพราะเป็นช่วง low season ของการขายไฟฟ้า ประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2566 เท่ากับ 214 บาทต่อหุ้น แนะนำ ซื้อ โดยให้น้ำหนักลงทุนไปที่ปันผลที่จ่ายอย่างสม่ำเสมอ ปีละ 2 ครั้ง โดยมี Dividend Yield เฉลี่ยอยู่ราว 4% ต่อปี คาดปี 2565 มีกำไรสุทธิ 4,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน 4,104 ล้านบาท

 


อิคคิวซัง