ห้องเม่าปีกเหล็ก

ความกล้า VS. ความกลัว กับหุ้นที่ชื่อ "BEAUTY"

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
67 views

BEAUTY - ณ จุดนี้ ไม่ใช่ความกล้า แต่ว่าเริ่มจะเป็น "โลภ"
28 ส.ค. 2561 / 13.24 น.

โดย Wattana Stock Page

ราคาหุ้น BEAUTY ปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆนับตั้งแต่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งไม่ได้ทุเรศทุรังอะไร อาจจะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ก่อนที่งบจะออก หลายคนเริ่มทยอยซื้อหุ้นตัวนี้ หลังจากมองว่า บริษัทไม่ได้เจ๊ง บริษัทยังเติบโตอยู่ เพียงแต่ว่าการเติบโตไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน และมองว่าราคาลงมาต่ำเกินไป

ใครที่ซื้อก่อนงบออก จะสามารถซื้อได้ที่ราคาไม่ถึง 7 บาทเสียด้วยซ้ำ

วันประกาศงบ แม้งบจะออกมาอย่างที่เห็น แต่ราคาหุ้นกลับไม่ได้ดีดกลับแรงมาก แต่ก็ขึ้นมาติดอยู่แถวๆ 7.40 บาท ซึ่งถ้ามองว่า ราคาตรงนั้น เมื่อเทียบกับงบที่ออกมา และราคาที่ต่ำจนเกินไป ก็ยังสามารถที่จะเข้าซื้อได้

การซื้อ ณ วันงบออก มีความเสี่ยงลดลงกว่าก่อนงบออก เพราะอย่างน้อยความเสี่ยงเรื่องงบแย่ก็หมดไปแล้ว

ณ เวลานั้น นักลงทุนรายย่อยทั่วไปยังคงมี "ความกลัว" กับหุ้นตัวนี้อยู่มาก หลายคนก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปซื้อ เพราะยังกังวลนู่นนี่อยู่เยอะ กลัวเจ้าของจะขายออกมาอีก กลัวจะมีการตกแต่งงบ กลัวว่าผลกำไรจะแย่ลงเรื่อยๆ

ผมมีคำถามจะถามว่า

นับจากวันที่งบออก มาจนถึงวันนี้ มีปัจจัยอะไรเพิ่มเติมออกมาหรือไม่? ไม่มีเลย!!!

มีเพียงอย่างเดียวคือ ราคาหุ้นมันขึ้นมาเรื่อย และแม้แต่วันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งคนคิดว่ามันควรจะลง และมันก็ผ่าน 10 บาท จนขึ้นไป 11 เมื่อเช้านี้ ก่อนที่จะปรับตัวลงมา

ทำไมไม่กล้าที่จะซื้อตั้งแต่มันอยู่ 7 บาท

มารู้สึกกล้าอะไรตอนที่มันเบรก 10 บาทขึ้นมาจนถึง 11 บาทแล้ว

ความกล้า ในวันที่คนอื่นกลัว จะให้รางวัลที่คุ้มค่า ถ้าผลออกมาเป็นดั่งที่หวัง

แต่ความกล้า ในวันที่คนอื่นเขาก็กล้ามาก่อนแล้ว มันไม่ได้การันตีว่า คุณจะกำไร

จริงๆแล้วคนที่จะมาคิดซื้อ BEAUTY ณ เวลานี้ อาจไม่ได้เรียกว่าเขามี "ความกล้า" แต่เขากำลังมี "ความโลภ" เพราะเห็นคนอื่นรวยจากหุ้นตัวนี้ ทั้งๆที่เพิ่งซื้อไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน

เพราะนับตั้งแต่งบออก ผ่านเวลามาเพียง 2 สัปดาห์ และไม่ได้มีปัจจัยทางพื้นฐานใดๆที่เปลี่ยนแปลง หรือออกมาเพิ่มเติมเลย

มีเพียงเรื่องเดียว คือ "ราคา" ที่มันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นั่นแสดงว่า "ความกล้า" ของคุณ เกิดจาก "ราคา"

ซึ่งนั่นไม่ได้เรียกว่า "ความกล้า" แต่มันเรียกว่า "ความโลภ"

ราคาที่ต่ำเตี้ยก่อนหน้านี้ บวกกับผลประกอบการที่ออกมาไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับราคา แถมด้วยบทวิเคราะห์ที่ยังให้ราคาเหมาะสมกันระดับ 11 - 13 บาท ทั้งหมดทั้งมวลนี้ กลับไม่สามารถทำให้คนหันมาซื้อหุ้นตัวนี้ได้เท่าไหร่นัก

แต่พอราคาวิ่งพุ่งขึ้นมาถึง 10 บาท มันกลับเรียกเขียกแขกให้เข้ามาเล่นหุ้นตัวนี้กันได้อย่างบ้าคลั่ง

ถามใจตัวเองดูให้ดี ว่า ถ้าจะซื้อ BEAUTY ตรงนี้ คุณคิดว่าเพราะอะไร

หากตอบตัวเองว่า เป็นเพราะเชื่อมั่นในพื้นฐานว่า ราคามันคงต่ำไปจริงๆล่ะ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่จะบอกว่า คุณซื้อแพงกว่าคนอื่นพอสมควร และก็คงเป็นพวก "ความรู้สึกช้า" ทำไมเพิ่งมารู้สึกเช่นนี้ตอนราคา 10 บาทแล้ว ทั้งๆที่ควรรู้สึกตั้งแต่ 7 บาท

หากตอบตัวเองว่า เพราะเห็นราคามันขึ้นมาเยอะ เท่ากับว่า คุณกำลัง "เก็งกำไร" กับหุ้นตัวนี้ เมื่อตัดสินใจซื้อด้วยความรู้สึกที่จะเก็งกำไรกับมัน เวลาตัดสินใจขาย ก็จงใช้ความรู้สึกของความเป็นนักเก็งกำไร ในการตัดสินใจขายด้วย

ไม่ใช่ว่าตอนซื้อคิดจะเก็งกำไร แต่พอถึงเวลาต้องขาย ราคาปรับตัวลง กลับเอาเหตุผลทางด้านพื้นฐานมาอ้างต่างๆนานา แล้วก็ไม่ยอมขาย

ผมไม่ได้บอกว่า ราคาหุ้น BEAUTY ตอนนี้แพงไปหรือว่าถูกไป เพราะบริษัทจะต้อง "พิสูจน์ตัวเอง" โดยเราจะเห็นได้จากงบไตรมาส 3 ซึ่งกว่าจะออกก็ราวต้นเดือนพฤศจิกายน

แต่หากใช้ข้อมูลทางพื้นฐานทุกอย่างที่มีในตอนนี้ โบรกเกอร์ที่ให้ราคาสูงที่สุดคือ 15 บาท ต่ำสุดคือ 7 บาท และกลางๆก็แถว 11 - 13 บาท

ราคามันวิ่งมาถึงจุดที่มัน "สมควรจะเป็น" แล้ว

ซึ่งมันไม่น่าจะใช่จุดที่จะใช้ "ความกล้า" ในการเข้าซื้อ

คุณอาจตกใจ ตาลุกวาว ด้วยความอิจฉา ว่าอะไรกัน ซื้อหุ้น BEAUTY วันที่ 10 สิงหาคมที่ราคา 6.90 บาท ผ่านมา 18 วัน หุ้นขึ้นมา 10.80 บาท ได้กำไรมากกว่า 50%

ยิ่งถ้าคนที่เล่น BEAU13C1812B ซึ่งราคาอยู่ที่ 0.16 บาท ณ วันที่ 10 สิงหาคม มาวันนี้ ราคาอยู่ที่ 1 บาท หรือได้มากกว่า 5 เด้งในเวลาเพียง 18 วัน

แต่อย่าให้เพียงเพราะเหตุผลนี้ ทำให้คุณตัดสินใจซื้อ BEAUTY ในวันนี้

เพราะเขาน่ะ กำไรมากกว่า 50%

แต่คุณ กำลังซื้อของที่แพงกว่าเขา 50% โดยที่ยังไม่ได้กำไรเลยสักบาท


คนเล่นหุ้น