ภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง เพียงเดือนกันยายนตลาดหุ้นแกว่งไปกว่า 100 จุด ก่อนที่สิ้นเดือนปิดไตรมาส 3/59 SET มาปิดที่ 1,483.21 จุด มูลค่าการซื้อขายเกือบ 4 หมึ่นล้านบาท (ข้อมูล ณ 30/09/59) นับเป็นสถานะการที่มีความผันผวนชวนหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง
ภาวะ Sell Off
แม้ว่า ณ ขณะนี้ จะมีบางปัจจัยที่สุ่มเสี่ยงต่อวิกฤตการเงินโลกครั้งต่อไป เช่น เรื่องสถาบันการเงินในยุโรป หนี้เน่าที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน หรือแม้กระทั่งปัจจัยภายในประเทศไทยเช่นหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ไม่มีใครรู้ว่าระเบิดเวลาเหล่านี้จะระเบิดตูมตามมาเมื่อไหร (ถ้าเรารู้ล่วงหน้า คงไม่เรียกมันว่า "วิกฤต" ใช่ไหมครับ)
ในภาวะที่ทุกคนต่างตกใจและทำการเทขายหุ้นล้างพอร์ตอย่างรุนแรง หรือที่เรียกกันว่าภาวะ Sell Off นั้น ในอดีตที่ผ่านมาหุ้นที่มักจะโดน Sell Off หนักที่สุด มักจะเป็นหุ้นที่มีราคาสูง ได้รับความคาดหวังสูงว่ากำไรจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก ความคาดหวังสูงๆดังกล่าวก็มักจะอันตรธานหายวับไปกับตา เมื่อความหวังสูงๆหายไป ราคาหุ้นที่แพงก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้เช่นกัน
หุ้นลักษณะแบบนี้มีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว หุ้นความคาดหวังสูงมักมีลักษณะหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน เช่น
- ค่า P/E ที่สูงมาก (เช่น > 40 เท่า)
- มีค่า P/BV สูง (เช่น > 6 เท่า)
- มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปีล่าสุดที่เริ่มโตช้าลง หรือ โตไม่ทันราคาหุ้น (PEG > 2 เท่า)
(ข้อมูลถึงวันที่ 30/09/59 จาก Aspen)
สรุป
การลงทุนในหุ้น "ความคาดหวังสูง" ไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้าย หุ้นเติบโตเร็วพวกนี้มักให้ผลตอบแทนที่ดีในภาวะเศรษฐกิจที่มั่นคง อย่างไรก็ดีนักลงทุนต้องอย่าลืมดูด้วยว่า หุ้นและธุรกิจเหล่านี้สามารถเติบโตรายได้กำไร ได้ทันกับความคาดหวังสูงๆของนักลงทุนหรือไม่
เพราะเมื่อไรที่ส่วนต่างความปลอดภัย (Margin of Safeft) เหลือน้อยลงทุกที ความเสี่ยงของเราจะเพิ่มขึ้น
ขอให้วิกฤตไม่เกิด แต่ถ้าเกิด คุณต้องพร้อม!
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : Aspen, efin stockpick up,
หมายเหตุ : ข้อมูลในนี้เป็นข้อมูลไว้ใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น เป็นทัศนะความคิดส่วนตัวของผู้เขียนเอง มิได้มีวัตถุประสงค์เชิญชวนหรือชี้นำหลักทรัพย์โดยเฉพาะแต่อย่างใด โดยที่ข้อมูลนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าวนี้