ห้องเม่าปีกเหล็ก

“บางจาก คอร์ปอเรชั่น” หรือ BCP หุ้นพลังงานปันผลดี

โดย ปะการัง
เผยแพร่ :
305 views

“บางจาก คอร์ปอเรชั่น” หรือ BCP หุ้นพลังงานปันผลดี

โบรกฯ คาดปี 66 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 6.8%

.

หุ้นปันผลสัปดาห์นี้ Wealthy Thai มีอีกหนึ่งหุ้นที่ให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ต่อปีในระดับสูงกว่า 5% มาฝาก นั้นก็คือ BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจพลังงานขนาดใหญ่ของไทย ครอบคลุมธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การค้าน้ำมัน พลังงานไฟฟ้าสีเขียว ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาธุรกิจใหม่

.

โดย BCP มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังจากการหักทุนสำรองต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีประวัติการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ หากนักลงทุนถือหุ้นตั้งแต่ปี 2560 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จะได้รับเงินปันผลทั้งหมด 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9.95 บาทต่อหุ้น และตั้งแต่ต้นปี 2566 บริษัทมี Dividend Yield อยู่ที่ระดับ 6.14%

.

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ BCP จะจ่ายเงินปันรวมต่อปีในระดับ 2 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ระดับ 6% ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าปี 2566 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 2.22 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 6.5% ส่วนปี 2567 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 2.32 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 6.8%

.

ทั้งนี้ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ปัจจุบัน BCP มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 49,913.46 ล้านบาท และมี P/E อยู่ที่ระดับ 4.55 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 29 มิ.ย. 66) โดยราคาหุ้นวันที่ 29 มิ.ย. 66 อยู่ที่ 36.25 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.08% จากช่วงต้นปี

.

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกําไรปกติไตรมาส 2/23 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า ฉุดจากการชะลอตัวลงในธุรกิจโรงกลั่นและทรัพยากรธรรมชาติ (E&P) เพราะราคาพลังงานและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

.

ขณะเดียวกันคาดว่าส่วนแบ่งธุรกิจโรงไฟฟ้าจะปรับสูงขึ้นจากการกลับมาดําเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังนํ้าในลาวและการรับรู้ส่วนแบ่งกําไรเต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้าพลังก๊าซในสหรัฐฯ (151 เมกะวัตต์) และคาดว่าค่าการตลาดค้าปลีกนํ้ามันจะแข็งแกร่งต่อเนื่องหนุนจากราคาน้ำมันที่ลดลงตามสภาพตลาดโลก

.

ภาพรวมครึ่งหลังปี 2566 ยังเป็นบวกหนุนจาก 1. ผลงานธุรกิจโรงกลั่นและทรัพยากรธรรมชาติที่ปรับดีขึ้น อานิสงส์จากอุปสงค์ตลาดโลกที่ฟื้นตัวและการลดอุปทานจาก OPEC+, 2. การปิดดีลเข้าซื้อ ESSO และ 3. ส่วนแบ่ง EBITDA จากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่โตขึ้นด้วยดีลเข้าซื้อโรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการ (426 เมกะวัตต์) ในสหรัฐฯ ที่จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/66

.

ฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนํา ซื้อ BCP มูลค่าพื้นฐาน 42 บาท และเลือกเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของกลุ่มพลังงานเพราะมีภาพรวมด้านกําไรที่ยืดหยุ่นมากกว่าผู้ประกอบการโรงกลั่นรายอื่น (TOP, SPRC) เพราะพอร์ตกิจการที่หลากหลาย อีกทั้งกําไรต่อหุ้น (EPS) จะเร่งตัวขึ้นจากการเข้าซื้อ ESSO ที่คาดว่าจะปิดดีลได้ภายในไตรมาส 3/66 ซึ่งจะมี upside ต่อมูลค่าพื้นฐานของฝ่ายวิเคราะห์ในระดับ 5-8 บาทต่อหุ้น และมูลค่าหุ้นที่ไม่แพงเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มโรงกลั่น

 

 


ปะการัง