ห้องเม่าปีกเหล็ก

ข้อแนะนำสำคัญในเวลานี้

โดย Analog
เผยแพร่ :
83 views
ข้อแนะนำสำคัญในเวลานี้ รอข้อมูลเพื่อการตัดสินใจเพิ่มเติมอีกหน่อยอาจจะปลอดภัยและทำให้ตัดสินใจไม่ผิดพลาด และฉากจำลองแผนปฏิบัติการกลยุทธ์เข้าสู่พภาวะตลาดหมีที่สมบูรณ์แบบ (แนะนำว่าต้องอ่านและควรทำ)
By ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์
นักวิเคราะห์รับใบอนุญาตเลขที่ 12888
บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษการลงทุนต้นธารคอร์ปอเรชั่น
(ก่อตั้งพศ.2540อยู่ใต้การกำกับกลต.)
17 มิถุนายน 2565
 
 
 
 
ข้อสรุปสำคัญในบทความนี้-ตลาดได้พลิกผันมาทางลบอย่างมีนัยสำคัญหลังการขึ้นดอกเบี้ยแรงของFED เกรงกันว่าจะนำไปสู่สภวาะเศราฐกิจถดถอย หุ้นจึงร่วงแรง อย่างไรก็ตามในเวลาล่าสุดนี้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐคือดาวโจนส์ NASDAQได้ตกมาถึงเป้าหมายสำคัญที่สุด เช่นเดียวกับดัชนีหุ้นไทย(SET SET50) โดยหากในระยะนี้สามารถตรึงไว้ได้ ก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวกลีบไปรอบใหญ่ แต่หากหลุดด่านสำคัญนี้ลงไปก็จึงจะเสี่ยงเข้าสู่ภาวะตลาดหมีเต็มรูปแบบ
 
ผมจึงให้ความเห็นที่สำคัญว่า การรอข้อมูลเพิ่มเติมซักวัน2วัน หรือไม่เกิน1สัปดาห์นี้ จะช่วยให้ท่านตัดสินจได้ผิดพลาดน้อยที่สุด กล่าวคือเมื่อชัดเจนว่าตลาดจะเลือกทางไปทางใดทางหนึ่ง แล้วค่อยFollowตามทิศทางนั้น จะทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด และก็ยังทันการณ์
 
อย่างไรก็ตามในกรณีที่ตลาดเลือกทิศทางลงสู่ภาวะตลาดหมีที่สมบูรณ์ ผมก็ได้เตรียมแผนการกลยุทธ์เชิงปฏิบัติการในภาวะตลาดหมี(Bear Market Strategy Action Plan)ไว้ให้ท่านแล้วในท้ายบทความนี้
 
*ข้อสังเกต-ในการขายนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องpanic sell กล่าวคือหลุดแนวรับแล้วเทขายนะครับ เพราะจะืทำให้พอร์ตพัง ขายไม่ได้ราคา ให้ท่านรอคอยจังหวะในช่วงของการฟื้นตัวรีบาวนด์ดีๆก็ทันครับ เพราะหากเข้าสู่ภาวะตลาดหมีแบบนี้ จะเป็นแบบClassic bear marketครับ กล่าวคือ แม้ตลาดหรือราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวขาลงก็ตาม แต่มันก็จะมีเด้งตัวรีบาวนด์ดีๆรอบใหญ่ๆให้ได้ขายเอาทุนแบบไม่บอบช้้ำเกินไปครับ
....
พลิกผันไปจากที่ประมาณการณ์หลังFEDขึ้นดอกเบี้ย0.75%-สถานการณ์ตลาดหุ้นหลังFEDขึ้นดอกเบี้ย0.75% พลิกผันอย่างรวดเร็ว จากตอนแรกที่หุ้นเด้งขึ้นเพราะขานรับข่าวไปแล้วล่วงหน้า ก็กลับกันกลับมาลงอย่างเร็วและแรง ทั้งนี้มาจากการที่นักเศรษฐศาสตร์พากันชี้กันชี้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยแรงและเร็ว จะทำให้เศรษฐกิจถดถอย เช่น บทวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ นี่มองทางไม่ดีมาก เรื่องrecessionครับ โดยบทวิเคราะห์โกลด์แมนแซคส์เผยมุมมองว่า หลังจากFEDขึ้นดอกเบี้ย0.75%ขึ้นมาที่1.75%เมื่อคืนวันที่15แล้ว ก็น่าจะขึ้นต่อไปถึง3.25-3.5%ในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าจะขึ้น0.75%ในเดือนหน้า อีก0.5%ในเดือนกันยายน และ0.25%ในเดือนพฤศจิกายน กับธันวาคม ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์จะมีผลต่อเศราฐกิจให้เกิดภาวะถดถอย โดยGDPสหรัฐฯน่าจะติดลบ1.1%ในปีนี้ -0.5%ในปีหน้า)
ตอนนี้ก็ดูครับว่าตลาดจะตัดสินเป็นทางลงในระยะต่อไปหรือไม่ โดยพิจารณาตามนี้
 
1.ดาวโจนส์มาถึงด่านสำคัญที่จะชี้ขาดว่าลงจบแล้วฟื้น หรือจะหลุดลงไปสู่ภาวะตลาดหมีที่สมบูรณ์แบบ-ไปดูตลาดหุ้นสหรัฐฯก่อนนะครับ ถึงล่าสุดเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้ตกมาถึงเขตแนวรับด่านสำคัญพอดีคือเขต38.20% Fibonacci คือราวๆ29,700จุด (ดูความสำคัญเรื่องนี้ในคลิปวิดิโอ สอนหุ้นออนไลน์Byณัฐวุฒิ:บทที่9 การใช้ตัวเลขมหัศจรรย์Fibonacciหาจุดซื้อ จุดขาย เป้าหมายขึ้น-ลงได้แม่นยำราวตาทิพย์ คุณก็ทำได้
https://www.youtube.com/watch?v=Nrb9wKtDT9k) แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองที่ตัวเลขกลมๆคือมองว่าปิดหลุดเขต30,000ก็มองว่าแย่ แต่ความจริงหากเป็นแนวรับสำคัญแบบPurely technicaคือ29,790จุด ....ซึ่งเมื่อคืนนี้ลงมาที่29,740 ปิดที่29,927จุด
*หากให้ความเห็นตรงไปตรงมาก็คือว่า ดาวโจนส์ได้ตกมาถึงเป้าหมายด่านสำคัญมากที่สุดครับเขต38.20% และจะชี้แนวโน้มสำคัญกล่าวคือ
-หากยืนเหนือเขต29,7000จุดได้ ก็จะเป็นการทำBottom outแล้วฟื้นกลับรอบใหญ่ครับ
-หากหลุดด่านนี้ก็จะสะท้อนว่าตลาดจะเข้าสู่ขาลงที่เป็นBear marketขนาดใหญ่
ส่วนหุ้นเทคโนโลยีที่นำตลาดลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง ในภาพระยะยาวก็กำลังลงมาที่เขตแนวรับสำคัญที่สุดคือเขต38.20%๕์ฮ10400จุด+/- โดยเมื่อคืนนี้ลงมาที่10,563จุดแล้ว ก็จะคล้ายกับดาวโจนส์คือ หากยืนเหนือเขตนี้ได้ก็จะฟื้นตัวกลับรอบใหญ่ แต่หากหลุดลึกลงไปก็จะเป็นการเข้าสู่ภาวะตลาดหมีที่สมบูรณ์แบบ
*ข้อสังเกตคือ ในช่วงที่หุ้นตกรอบนี้ มีการโยกย้ายเงินไปพักและเก็งกำไรในค่าเงินดอลลาร์ จนทำให้ดอลลาร์ขึ้นไปแข็งสุดในรอบ20ปี แต่ก็มาทดสอบแนวต้านสำคัญเขต105.60 เมื่อคืนได้ตกมาเขต103.85 ส่วนบอนด์ยีลด์ก็ลงมาเขต3.24% หลังจากขึ้นไปเขต3.5%
*ข้อสรุปและข้อสังเกตที่สำคัญมาก*-เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐได้ตกมาที่เขตแนวรับสำคัญมากทางเทคนิค(ดาวโจนส์เขต29,7000 และNASDAQเขต10,400จุด) หากเอาให้ชัวร์ๆชัดเจน แนะนำว่า"ควรต้อง"ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมให้ชัดเจนครับว่าจะไปทางใด ระหว่าง ยืนเหนือด่านนี้ได้แล้วฟื้นกลับรอบใหญ่ กับการหลุดด่านนี้ลงไปแล้วเข้าสู่ภาวะตลาดหมีที่สมบูรณ์แบบ
แล้วเราค่อยFollowตามทิศทางที่ชัดเจนนี้ก็น่าจะชัวร์กว่านะครับ ผมว่ารอดูอีกวันสองวันก็คงชัดเจนพร้อมจะให้ประกอบการตัดสินใจแล้วหละครับ ...หากทำอะไรตอนนี้ก็เรียกว่าเสี่ยงสูงที่จะทำผิดทางได้ และหากผิดนี่ก็คือผิดเยอะด่วยนะครับ คือหากมันยินได้แล้วฟื้นรอบใหญ่ หากเราขายตอนนี้ก็เท่ากับ"ขายหมู"รอบใหญ่ แต่หากมันหลุดแน่ๆเราค่อยไปFollow sell มันก็ยังทันนะครับ
.........
2.ตลาดหุ้นไทยกำลังลงมาถึงด่านสำคัญว่าลงพอแค่นี้ หรือจะเข้าสู่สภาวะตลาดหมีที่สมบูรณ์แบบ-
หุ้นไทยในดัชนี SET นั้นลงมาทำจุดต่ำใหม่ในรอบนี้ คือลงมาลึกกว่าฐานเก่าที่เคยทำไว้1578จุด แต่หากมองว่าเป็นการตกพักฐานในรูปแบบธง ก็อนุโลมให้มีฐานแนวรับ new lowได้ราวๆ1560จุด+/- ครับ ซึ่งที่เป็นดราม่าก็คือ เมื่อวานลงมาปิดตรงนี้พอดี
ส่วนหุ้นใหญ่ในSET50 ตอนนี้ลงมาเขตแนวรับBottom lineราวๆ940-945จุด บริเวณนี้เคยเป็นฐานต่ำสุดมาแล้ว4รอบและฟื้นตัวมาทุกรอบ ตอนนี้ลงมาเขตนี้แล้วก็ต้องลุ้นกันก่อนครับ
แต่หากหลุดก็จะเข้าสู่ขาลงสมบูรณ์แบบตั้งแต่เป้าแรก905/885ถัดไป835และเป้าใหญ่785-765จุด
ส่วนหุ้นขนาดเล็กในดัชนีMAIนั้นลงมาเขตแนวรับ595จุด ก็ดูว่ายืนได้ไหม หากไม่ได้ก็จะตกต่อไปเขต575+/-
สรุป ตอนนี้ทั้งดัชนีSET SET50 MAI ก็ตกมาถึงเป้าหมายสำคัญครับ กล่าวคือSET50ที่เข940-945 SETเขต1560(หรือท่านจะเอานตัวเลขกลมๆทางจิตวิทยา1,550ก็ได้) และMAI595จุด ก็ควรจับตามองว่าในสัปดาห์นี้ หรือข้ามช็อตไปสัปดาห์หน้า เขตนี้จะรองรับการตกต่ำในรอบนี้แล้วเด้งกลับ หรือเป็นจุดตัดสินว่าหลุดลงเด็ดขาด แล้วก็จะเข้าสู่ภาวะตลาดหมีที่สมบูรณ์แบบต่อไป
....
3.รอดูข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจป้องกันความผิดพลาด อาจเป็นทางเลือกที่ดีในสถานการณ์นี้-ความเห็นและคำแนะนำที่สำคัญ
เนื่องจากทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นไทยได้ตกมาถึงเป้าหมายสำคัญที่รอการชี้ขาดชัดเจน(ว่าลงพอแค่นี้แล้วเด้งยาว หรือหลุดลงไปแล้วลงอีกยาว) ดังนั้นการรอข้อมูลเพิ่มเติมอีกซักวันสองวัน หรือเต็มที่ไม่เกิน1สัปดาห์ ก็น่าจะทำให้ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น แลลดความผิดพลาดลงได้มากกว่านะครับ
.....
4.ฉากจำลองของตลาดหมี และกลยุทธ์แผนปฏิบัติการในตลาดหมี (Bear Market Strategy Action Plan)
แม้ว่าเราควรwait&seeข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจดังกล่าวไปในข้อ3ก็ตาม แต่การเตรียมการกลยุทธ์แผนปฏิบัติการในตลาดหมี (Bear Market Strategy Action Plan) เป็นสิ่งที่จำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้ กล่าวคือ
-หากSETรอบนี้พังฐานสำคัญลงไปปิดลึกกว่าเขต1560(หรือหากอยากเผื่อตัวเลขกลมๆ1550จุดก็อนุโลมให้ครับ) และSET50พังฐานเก่า940-945จุดลงไป และหากยืนยันด้วยการที่ดาวโจนส์หากหลุด29,700 และNASDAQหลุด10,400 ก็จะช่วยยืนยันว่า ตลาดก็จะเสี่ยงเปลี่ยนทางเป็นขาลงรอบใหญ่ ที่มีเป้าหมายแรกราวๆ1,515-1,500จุด ถัดไป 1470/1430 ถัดไป1350 เป้าใหญ่1250-1220+/-
-เมื่อตลาดเข้าขาลงที่สมบูรณ์แบบ ให้งัดกลยุทธ์ตลาดหมี(Bear Market Strategy -BMS)มาใช้ ดังนี้ครับ ดูตามคลิปวิดิโอนี้
*ตลาดหุ้นขาลง ก็คือ เวลาลงจะลงไปทำnew lowอย่างต่อเนื่อง เวลาขึ้นก็จะทำจุดต่ำลดลงอย่างต่อเนื่องครับ
กลยุทธ์การเทรดขาลงยังไงไม่ให้เจ๊งหมดตัวเสียหายในขาลงก็คือ
 
4.1 ให้หยุดซื้อหุ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อถัวเฉลี่ย ซื้อเก็งกำไร ซื้อกินปันผล ยกเว้นว่าหุ้นตัวนั้นต้องเก่งกว่าตลาด(Outperform)คือตลาดจะเป็นขาลง แต่มันสวนทางเป็นขาขึ้น ค่อยซื้อครับ หรือหากกองทุนฝรั่งขายหุ้นใหญ่มาก แล้วรายใหญ่คนไทยหันไปเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กแทน เราก็ค่อยปรับกลยุทธ์มาเทรดหุ้นเล็กๆแทนในระยะต่อไปครับ
 
4.2ให้ขายเป็นหลัก หากราคามีแนวโน้มจะเป็นขาลงตามตลาดก็ขายเอาทุน ขายรักษาทุน หรือขายหากำไรขาลง(เช่น ยืมหุ้นมาขาย หรือshortหุ้นในตลาดล่วงหน้า หรือPutหุ้นในตลาดoption) ห้ามเล่นทางซื้อ หรือทางLongหรือทางcallครับ
*ข้อสังเกต-ในการขายนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องpanic sell กล่าวคือหลุดแนวรับแล้วเทขายนะครับ เพราะจะืทำให้พอร์ตพัง ขายไม่ได้ราคา ให้ท่านรอคอยจังหวะในช่วงของการฟื้นตัวรีบาวนด์ดีๆก็ทันครับ เพราะหากเข้าสู่ภาวะตลาดหมีแบบนี้ จะเป็นแบบClassic bear marketครับ กล่าวคือ แม้ตลาดหรือราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวขาลงก็ตาม แต่มันก็จะมีเด้งตัวรีบาวนด์ดีๆรอบใหญ่ๆให้ได้ขายเอาทุนแบบไม่บอบช้้ำเกินไปครับ
 
4.3หุ้นตัวไหนบ้างที่เราควรจะขาย และไม่ควรจะขาย-ให้ท่านสำรวจหุ้นในพอร์ตของท่านดูนะครับ มันจะมี3ประเภทกล่าวคือ
 
4.3.1หุ้นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด(Performing stock) คือเปรียบเทียบแล้ว มันพอๆกับตลาด เวลาตลาดขึ้นก็ขึ้นไปด้วย ตลาดลงก็ลงด้วย พวกนี้นับว่าเป็นหุ้นอันตรายครับ เพราะหากสมมุติว่าตลาดSETหลุดด่านสำคัญแล้วจะลงไป1450-1250 มันก็จะตกตามตลาดลงไปในทิศทางเดรยวกันนี้....กรณีนี้ท่านควรตัดใจขายออกครับ จะขายตอนSETหลุด หรือจังหวะรีบาวด์ก็ควรทำ
 
4.3.2หุ้นที่มันอ่อนแอกว่าตลาด(Underperforming stock) หุ้นพวกนี้คือที่ผ่านมามันอ่อนแอกว่าตลาด แย่กว่าตลาด ที่ผ่านมาลงมาซะเยอะแล้ว และอาจจะลงไปถึงเป้าหมายของมันแล้ว ไม่มีอะไรจะแย่กว่านี้แล้ว แม้ว่าตลาดSETจะหลุด จะลงไปไหนเท่าไหร่ มันก็จะไม่ลงตามSETแล้ว เพราะมันลงมาเพียบแล้ว....หุ้นแบบนี้ท่านอาจจะไม่ต้องขายให้พอร์ตช้ำหรือพอร์ตพังครับ เผลอๆเราขายเสร็จมันเด้งใส่ด้วย ยกตัวอย่างพวกเรือTTA หรือหุ้นอิงคริปโตแบบXPG ZIGA พวกที่ลงมามากแล้วแบบU HANA KEX STA STGT เป็นต้น
4.3.3หุ้นที่เก่งกว่าตลาด(Outperforming stock)ก็คือพวกที่สวนภาวะตลาด เก่งกว่าSETมากๆ ถึงSETจะเป็นขาลง แต่มันก็จะเป็นขาขึ้น ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปขายอะไรครับ เพราะมันไม่เกี่ยวกับตลาด
 
4.3.4 เราไม่ขายหุ้นได้ไหม ถือไปเรื่อยๆ-หากท่านไม่ใช่swing trader และไม่สนใจกับรอบของตลาดขาขึ้นหรือขาลง แต่อิงกับเรื่องปัจจัยพื้นฐาน ผลการดำเนินงาน และไม่อยากขายให้ขาดทุน นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาครับ เพราะในตลาดที่ผันผวนนั้น หากท่านอึดพออึดไหวจริงๆในระยะกลางถึงยาวมันให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราวๆ12%ต่อปี แม้ปีนี้จะแย่ ปีหน้าก็อาจจะมา ผลตอบแทนในระยะกลางยาว5ปีขึ้นไปก็จะกลับมาบวกครับ เพียงแต่ท่านจะเสียโอกาสในการได้เงินสดไว้ปรับพอร์ตในยามที่ควรจะมี และอาจจะsufferกัยการเป็นคนติดหุ้นนะครับ
 
สติและพลังจงอยู่กับทุกท่าน โชคดีมีกำไรปลอดภัยในการลงทุนทุกท่านครับ
 
 
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..

FB..ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์-All About Investing


Analog