ห้องเม่าปีกเหล็ก

ผ่าหุ้นทีวีดิจิทัล

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
49 views

ผ่าหุ้นทีวีดิจิทัล RS-MONO ครึ่งแรกราคาบวกแรง

พอกันที...ครึ่งปีแรก!..แน่นอนว่าปี 63 จะเป็นที่จดจำกันอีกยาวนาน เพราะการระบาดของ COVID-19 ทำให้เกือบทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมด้วยกันทั้งสิ้น แม้กระทั้งหุ้นกลุ่มทีวีดิจิทัล หลังจากผู้ประกอบการชะลอการใช้งบโฆษณา

 

การระบาดของ COVID-19 ในต่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง แต่ถ้ามองในประเทศไทยมีสัญญาณที่ผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้ภาครัฐมีการปลดล็อคระยะที่ 5 แล้ว ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีสัญญาณที่ดีขึ้น ดังนั้นครั้งนี้ Wealthy Thai จึงขอหยิบยกหุ้นทีวีดิจิทัล มาฝากนักลงทุน ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

 

จากการสำรวจข้อมูลผ่าน setsmart.com พบว่า RS มีมาร์เก็ตแคปมากที่สุดของหุ้นทีวีดิจิทัล แม้ปัจจุบันได้ย้ายหมวดธุรกิจจากธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ เป็นหมวดธุรกิจพาณิชย์แล้ว แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นทีมีช่องทีวีดิจิตอลเป็นของตัวเอง ส่วนหุ้นที่มีการปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วง 6 เดือนแรกของปี 63 คือ MONO ที่ปรับตัวขึ้นสูงถึงระดับ 142.48%

จากตารางดังกล่าว จะเห็นได้ว่า MONO เมื่อสิ้นปี 62 มีมาร์เก็ตแคปเป็นอันดับ 8 ของหุ้นทีวีดิจิทัล มูลค่าเพียง  3,922.29 ล้านบาท แต่ล่าสุดสิ้นงวดครึ่งปีแรก 63 กลับแซงมาอยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม มีมูลค่าสูงถึง 9,510.69 ล้านบาท  โดย BEC ยังอยู่ในอันดับ 2 ของกลุ่มแม้มาร์เก็ตแคปจะลดลงค่อนข้างมากจากสิ้นปี 62 และอันดับ 1 ยังคงเป็น RS ที่มี มาร์เก็ตแคปกว่า 15,851.70 ล้านบาท

 

มุมมองนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ภาพรวมปี 63 คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาชะลอ 20% จากปีก่อน สื่อโฆษณากลุ่มเดียวที่ยังเห็นเติบโต คือสื่อออนไลน์ ที่ได้ถูกกระทบน้อยกว่าสื่ออื่น เนื่องจากผู้ประกอบการจัดสรรงบโฆษณาตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และเป็นสื่อที่ต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่าสื่อประเภทอื่น แต่เข้าถึงผู้คนได้มาก ขณะที่สื่อโฆษณาที่ได้รับผลกระทบรุนแรง  ได้แก่ สื่อโรงภาพยนตร์ ซึ่งภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ เลื่อนฉายมาครึ่งปีหลัง และบางส่วนเลื่อนไปฉายปีหน้า รองลงมาได้แก่ สื่อสื่งพิมพ์ สื่อเคเบิ้ล

 

ดังนั้นคาดผลประกอบการในปี 63 หุ้นกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ภายใต้ Coverage ของ 5 บริษัท (PLANB-RS-MONO-WORK-JKN) ที่ 812 ล้านบาท ลดลง 10% จากปี 62 ให้น้ำหนักการลงทุน “เท่าตลาด” ด้วยมองว่าผลประกอบการที่ชะลอตัวรุนแรงในครึ่งแรกตลาดได้รับรู้แล้ว และครึ่งปีหลังจะเริ่มฟื้นตัว 

 

กลยุทธ์ในการลงทุนเราเลือก “ซื้อ” หุ้นที่มีผลประกอบการ Outperform กลุ่ม โดยมี 2 บริษัทที่กำไรยังเติบโต คือ RS (มูลค่าพื้นฐาน 16.70 บาท) คาดกำไรปกติ เติบโต 44% จากปี 62 ซึ่งรับผลบวกจากการเติบโตของธุรกิจขายสินค้า การขายลิขสิทธ์คอนเทนต์ เพิ่มขึ้น และ JKN (มูลค่าพื้นฐาน 16.70 บาท) คาดกำไรปกติ เติบโต 6% จากปี 62 ซึ่งได้ผลบวกจากการขายลิขสิทธ์คอนเทนต์ ให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้น

 

RS ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 62

             

มุมมองของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ผลประกอบการ RS ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 62 และแนวโน้มกำไรสุทธิปี 63-65 จะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าผลประกอบการครึ่งหลัง 63 จะขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ commerce ที่ขยายตัวต่อเนื่อง และรายได้ media ที่ฟื้นตัวเช่นกัน ดังนั้น คงประมาณการกำไรสุทธิปี 63 อยู่ที่ 519 ล้านบาท เติบโต 43% จากปีก่อน

 

BEC-MONO เดือน พ.ค. รายได้ทีวีเติบโต

             

ด้านมุมมองของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กลุ่มสื่อ เม็ดเงินโฆษณาน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยเม็ดเงินโฆษณาเดือน พ.ค. ปรับตัวลดลง 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับตัวลดลงในสื่อทุกประเภท ยกเว้นสื่อดิจิตอลที่ปรับตัวขึ้น 3% จากเดือนก่อนหน้า

 

สำหรับเม็ดเงินโฆษณาของสื่อทีวีโดยรวมปรับตัวลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังมีบางช่องที่รายงานรายได้ทีวีเติบโตในเดือน พ.ค. เช่น BEC และ MONO ส่วนผู้ชมทีวีโดยรวมปรับตัวลดลง 9% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นเดือนแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากเริ่มมีการคลายล็อคดาวน์และคนเริ่มออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ยังคงเชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะปรับตัวดีขึ้นในเดือน มิ.ย. แต่ขณะนี้ฝ่ายวิจัยยังชอบ RS และ PLANB รวมถึงแนะนำสะสม VGI เพื่อเข้าสู่เฟสของการฟื้นตัวต่อไป

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของหุ้น TV ทุกตัวที่ศึกษาอยู่ ได้แก่ BEC, MONO,WORK จะอ่อนแอในไตรมาส 2/63 เพราะถูกกดดันจากรายได้ค่าโฆษณาที่ลดลง โดย BEC และ MONO น่าจะยังคงขาดทุนต่อเนื่อง แต่ผลขาดทุนน่าจะน้อยลงจากไตรมาส 1/63 เนื่องจากคาดว่าค่าใช้จ่ายจะลดลงเมื่อเทียบกับในไตรมาส 1/63 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ ในขณะที่กำไรของ WORK น่าจะลดลงตามยอดโฆษณาที่ลดลง

 

WORK ฐานเงินแกร่ง

 

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า WORK มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและไม่มีหนี้ (Net cash) พร้อมจะประคองผ่านวิกฤตนี้ไปได้ แต่ผลประการในปี 63 จะยังไม่ใช่ปีที่โดดเด่น ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 10 บาท/หุ้น สะท้อนมุมมองแบบอนุรักษ์นิยม พร้อมปรับคำแนะนำลงเป็นถือ ความเสี่ยงคือการแข่งขันที่สูง และการชะลอตัวของภาคการบริโภคและเม็ดเงินโฆษณา

 

แนวโน้มไตรมาส 2/63 เบื้องต้นคาดยังมีกำไร แต่ลดลงทั้งเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก 1.ธุรกิจสื่อยังชะลอตัว แม้เป็นช่วงที่คนอยู่บ้านมากขึ้นในช่วง Lockdown นีลเส็นฯ เผยว่าเวลารับชมเพิ่มจาก 4.03 เป็น 4.31 ชม./วัน ขณะ rating (15+ ,18hr) จาก 0.88 เป็น 0.93 ในเดือน มี.ค.-เม.ย. แต่ก็ถูกหักลบเม็ดเงินโฆษณาที่ถูกชะลอการใช้ที่คาดหดตัว 5-10% ตลอดทั้งในปี 63 ขณะคอนเสิร์ตและการแสดงถูกเลื่อนออกไปทั้งหมด

 

2.ธุรกิจขายสินค้ายังทรงตัวได้จากไตรมาส 1/63 เนื่องจากโอกาสขายที่มากขึ้นตามจำนวนผู้ชม แต่ทั้งนี้คาดผลประกอบการจะชะลอตัวลงในช่วงไตรมาส 3-4/63 ตามปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจสื่อโฆษณา จึงปรับเป้ากำไรปี 63 ลงเหลือ 125 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อน

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Sunnyday