ห้องเม่าปีกเหล็ก

คำอธิบาย อู่ตะเภา ตัวเลขเสนอราคากับค่า IRR ติดลบ ทำไมจึงสำคัญ??

โดย S2M Ads
เผยแพร่ :
62 views



    การทำโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ ปกติแล้วผู้ลงทุนจะใช้เงินตัวเองส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งจะกู้เงินมาลงทุนพร้อมจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งการยอมจ่ายดอกเบี้ยนั้น ถือว่าเป็นต้นทุนทางการเงิน ที่จะถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยธนาคารในช่วงเวลาการดำเนินงาน

หากดูดอกเบี้ย MLR (Minimum Loan Rate – อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี) ของธนาคารส่วนใหญ่ในช่วงเวลานี้ก็อยู่ที่ 6-7% ดังนั้น เวลาจะนำเงินที่กู้มาไปลงทุนต่อ ผู้กู้จะต้องมั่นใจได้ว่า โครงการดังกล่าวต้องได้เงินกำไรมากกว่าดอกเบี้ยที่กู้มา มิเช่นนั้นอยู่เฉย ๆ คงดีกว่า แทนที่จะไปสร้างหนี้ด้วยการลงทุนทำโครงการใหญ่ที่เป็นผลประโยชน์สำหรับประเทศชาติโดยส่วนรวม

สำหรับโครงการสนามบินอู่ตะเภา นอกจากจะมีภาระดอกเบี้ยที่ต้องกู้เงินมาลงทุนในอัตราขั้นต่ำ 8% แล้ว ยังต้องจ่ายเงินส่วนแบ่งให้กับรัฐตามที่ได้เขียนตัวเลขไป เกิดเป็นภาระต้นทุนเพิ่มเติมจากดอกเบี้ย

ผลตอบแทนที่ภาครัฐระบุ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ 59,000 ล้านบาท หรือ net present value (NPV) ที่ 3.76% ก็เท่ากับต้องบวกภาระส่วนแบ่งรายได้ กับ ดอกเบี้ยที่กู้มา เท่ากับมีภาระที่เป็นต้นทุน เท่ากับ 11.76% (8%+3.76%) การคำนวณผู้โดยสารและไฟแนนเชียลโมเดลของโครงการ ต้องมีค่า IRR สูงกว่า 11.76% เพื่อให้เกิดกำไรกับผู้ลงทุน เช่น โครงการมี IRR = 15% ก็เท่ากับผู้ลงทุนได้กำไร 3.24%

ตามกระแสข่าวว่า กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอสยื่นซองเสนอราคา โดยให้ผลตอบแทนแก่รัฐสูงสุดรวม 305,555 ล้านบาท อันดับที่ 2 กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด เสนอผลตอนแทนให้แก่รัฐรวม 102,217 ล้านบาท และอันดับที่ 3 กลุ่มกิจการร่วมค้า Grand Consortium เสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐ 100,903 ล้านบาท

นั่นหมายถึง หากเสนอราคาสูงกว่าที่รัฐต้องการที่ 59,000 ล้านบาท ไปถึงตัวเลขหลายแสนล้าน ภาระสูงตามขึ้นไปด้วย เมื่อรวมดอกเบี้ยแล้ว โครงการอาจต้องมี IRR สูงถึง 26% จึงจะทำกำไร ทำให้เกิดคำถามว่า โครงการสนามบินอู่ตะเภาจะทำ IRR ได้ถึง 26% ได้จริงหรือไม่ หรือโครงการจะเป็น IRR ติดลบ ไม่พอจ่ายตามต้นทุนที่สัญญาไว้

ดังนั้น ตัวเลขที่ใช้บอกผลตอบแทนโครงการคือ IRR ซึ่งโครงการขนาดใหญ่มักมีความเสี่ยงสูง ปกติแล้ว IRR จะอยู่ที่ 14-18% จึงจะมีโอกาสทำกำไรและดึงดูดนักลงทุนเพียงพอ การกำหนด IRR ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เคยทำมาแล้วสำหรับโครงการใหญ่ ๆ ระดับประเทศ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มีการคำนวณ IRR อยู่ที่ 9.75% หากกู้เงินในอัตรา MLR 8% ก็เท่ากับว่า กำไรจะอยู่ที่ 3.75% และในทางกลับกัน หากกู้เงินที่มีดอกเบี้ย MLR 8% มาลงทุนกับโครงการที่มีผลตอบแทนโครงการ IRR น้อยกว่า 6% เท่ากับโครงการนี้ไม่น่าลงทุน เพราะผลตอบแทนน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องเสีย หรือเรียกได้ว่า ขาดทุนนั่นเอง

สรุปว่าใครเป็นผู้ชนะคงต้องเปิดตำราทางการเงิน เพราะตัวเลขเสนอราคาสูงอย่างเดียว จะใช้เป็นการตัดสินแพ้ชนะไม่ได้


S2M Ads