รอบนี้รายย่อยเป็นพระเอก / สุนันท์ ศรีจันทรา
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นอย่างหนัก และเป็นโอกาสอันดีของนักลงทุนรายย่อย ในการปล่อยของ ขายหุ้นทำกำไร จนกลายเป็นผู้ขายรายใหญ่
หลายปีติดต่อแล้วที่นักลงทุนรายย่อย ซื้อหุ้นเก็บสะสมมาตลอด ปีที่ผ่านมาเป็นผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ที่สุด ส่วนต้นปีนี้ แม้หุ้นจะปรับตัวขึ้น แต่นักลงทุนรายย่อยกลับขายหุ้นออกมาน้อยมาก โดยผู้ซื้อรายใหญ่กลับเป็นกองทุน
ตัวเลขการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มนับจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 107,299.13 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 3,658.78 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 152,387.37 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 41,429.44 ล้านบาท
นักลงทุนรายย่อย ควรจะเป็นผู้ขายรายใหญ่ แต่เนื่องจากในช่วงที่หุ้นปรับฐาน นักลงทุนรายย่อยแห่กันเข้าไปช้อนซ้อหุ้น โดยการปรับฐานใหญ่ในรอบนี้ ซึ่งดัชนีฯทรุดจากระดับ 1,660 จุด จนถอยไปยืนที่ระดับ 1,510 จุดเศษๆ รายย่อยปักหลักฐานซื้ออย่างไม่ย่อท้อ แม้บางช่วงที่ดัชนีฯ กระเตื้องขึ้น รายย่อยก็ยังวิ่งไล่ซื้ออีก
ทั้งที่โบรกเกอร์แทบทุกสำนักส่งสัญญาณเตือน แนะให้นักลงทุนขายหุ้น ลดความเสี่ยงจากผลกระทบเงินเฟ้อ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจถดถอย แต่นักลงทุนรายย่อยกลับซื้อสวนกระแสหุ้นขาลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดหุ้นดีดตัวกลับ ตามแรงซื้อของต่างชาติ ซึ่งบุกหนัก ไล่ซ้อหุ้นตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา และซื้อหนักติดต่อกัน 7 วันทำการ ยอดซื้อสุทธิกว่า 3 หมื่นล้านบาท ลากดัชนีฯ จะเกือบทะลุ 1,650 จุด นักลงทุนรายย่อยจึงทยอยขายหุ้น และขายโดยไม่กลัวขายหมู ยอดขายหุ้นสะสมเฉพาะเดือนสิงหาคม สิ้นสุด 17 สิงหาคม เทขายไปแล้ว 21,868.30 ล้านบาท
แม้ขายแล้วหุ้นจะขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องเสียดาย เพราะหุ้นที่ขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพราะมีข่าวดีหรือปัจจัยบวกสนับสนุน แต่เป็นเพราะแรงซื้อของต่างชาติล้วนๆ ซึ่งไม่สามารถเดาใจต่างชาติได้ว่า จะซื้อหนักๆต่อเนื่องยาวนานขนาดไหน
และหากต่างชาติหยุดซื้อ หุ้นคงไปต่อไม่ได้ หรือต่างชาติกลับมาขาย หุ้นคงจะปรับฐานลง
ข่าวร้ายที่ปกคลุมตลาดหุ้นยังไม่ได้หมดไป ปัญหาเงินเฟ้อยังคงอยู่ ดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยต้องเฝ้าระวัง เช่นเดียวกับสถานการณ์ตรึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ซ้ำเติมสงครามรัสเซียกับยูเครน
นักวิเคราะห์หุ้นหลายสำนักประเมินไว้แล้ว รอบนี้ดัชนีฯคงพุ่งทะยานไปไม่ได้ไกล และที่ขึ้นมายืนระดับ 1,640 จุดได้ เป็นเรื่องที่พลิกความคาดหมาย เพราะมีแรงซื้อจากตางชาติเข้ามาหนุน แต่ตลาดก็อยู่ช่วงปลายขาขึ้นเต็มที เพดานด้านบนเริ่มแคบ โดยอาจทะลุขึ้นไปที่ระดับ 1,650 จุด แต่ไม่น่าจะไปต่อถึงระดับ 1,700 จุดในรอบนี้
การตัดสินใจระบายหุ้นทำกำไร น่าจะเป็นการวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง เป็นการชิงจังหวะทำกำไร และลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของทิศทางตลาดหุ้นระยะสั้น ซึ่งพร้อมจะพลิกผันหากมีปัจจัยลบกระทบ หรือพลิกผันตามแรงขายของต่างชาติ
หุ้นอาจตีฝ่าไปยืนเหนือ 1,650 จุดได้ แต่ทำไมต้องไปรอขายที่ 1,650 จุด ชิงขายเสียตอนนี้ เก็บกำไรใส่กระเป๋าไว้รอบหนึ่งก่อนดีกว่า ถ้าหุ้นปรับฐาน จะได้มีเงินช้อนซื้อของถูก