เปิดรายชื่อ 4 หุ้นเด่น
ตัวเต็งธุรกิจ Virtual Bank
ฐานทุนแน่น-เข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก

.
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มอง KTB-ADVANC-OR-GULF เป็นตัวเต็งในธุรกิจ Virtual Bank (VB) โดยปัจจุบัน พบกลุ่มบริษัทที่สนใจยื่นขอจัดตั้ง VB มี 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มพันธมิตร KTB-ADVANC-OR-GULF ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากมีเงินทุนและความสามารถในการเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนมาก รวมถึงมี KTB ที่มีความชำนาญในการทำธุรกิจธนาคารในประเทศไทย
.
2. กลุ่มพันธมิตร SCB-Kakao Bank เป็นการร่วมมือระหว่าง SCB ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและมีฐานลูกค้าที่ครอบคลุม รวมถึงมีความชำนาญในการทำธุรกิจธนาคารในประเทศไทย และ Kakao Bank ที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ Virtual Bank ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้
.
3. กลุ่ม CP นำโดย Ascend Group ซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยจะมีการลงทุนร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด และ 4.กลุ่มอื่นๆ ที่สนใจ ได้แก่ JMART และ KB Financial Group แต่ยังไม่มีการเปิดเผยแผนสำหรับธุรกิจ Virtual Bank
.
โดยฝ่ายวิจัยมองว่ากลุ่มพันธมิตร KTB-ADVANC-OR-GULF จะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพแข่งขันที่สูงที่สุด เนื่องจาก 1.มีฐานลูกค้าซึ่งเป็นช่องทางในการขยายสินเชื่อและรับเงินฝากของ VB ทั้งจากฐานลูกค้าเดิมของธนาคารที่ต้องการสินเชื่อเพิ่มเติม ฐานลูกค้าเครือข่ายโทรศัพท์ของ ADVANC รวมถึงฐานลูกค้าของ OR
.
2.มีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ VB สามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาความต้องการและความเสี่ยงของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
.
3.มีธนาคาร KTB เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งมีความชำนาญและประสบการณ์เกี่ยวกับกฎระเบียบ รวมถึงเกณฑ์การทำธุรกิจธนาคารภายใต้การควบคุมของ ธปท. และ 4.เป็นกลุ่มที่มีเงินทุนขนาดใหญ่ และในอนาคตมีโอกาสได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจาก KTB เป็นแหล่งเงินทุนเสริมในระยะยาว
.
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารอื่นๆ นอกเหนือจาก KTB และ SCB ยังไม่แสดงความสนใจในการเข้าร่วมในธุรกิจ VB เนื่องจาก 1.มองว่ามีค่าใช้จ่ายลงทุนที่สูง และมีความทับซ้อนกับ Digital Platform ของตัวเอง อย่าง KPLUS ของ KBANK และ TTB Touch ของ TTB ซึ่งมองว่าทั้ง 2 ธนาคารแม้ไม่ทำ VB ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายลงทุนด้าน IT และพัฒนาระบบของ Digital Platform ของตัวเองให้มีความสามารถในการแข่งขันกับ VB ได้ในระยะยาว
.
และ 2.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยจากการมาของ VB ซึ่งเป็นธนาคารที่มีตลาดหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทับซ้อนกับ VB เช่น BBL ที่มีความชำนาญในสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ รวมถึง TISCO และ KKP ที่เน้นสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเป็นหลัก ทำให้ในกลุ่มดังกล่าวคาดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
.
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่คาดจะได้รับผลโดยตรงจากการเข้ามาของ VB คือกลุ่มสินเชื่อเพื่อการบริโภคอย่าง KTC และ AEONTS ซึ่งมีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลสูง เพราะคาดในช่วงเริ่มแรกของ VB จะเริ่มต้นจากการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีขนาดสินเชื่อต่อรายไม่สูงมาก (คาด 2-3 หมื่นบาทต่อคน) ทำให้กลุ่มลูกค้าทับซ้อนกันกับผู้ประกอบการสินเชื่อเพื่อการบริโภคในตลาด
นอกจากนี้ KTC และ AEONTS ยังมีแรงกดดันจากการที่ ธปท. เข้ามาคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อตามเกณฑ์ Responsible Lending ทำให้การปล่อยสินเชื่อในอนาคตจะทำได้ยากขึ้นและถูก VB เข้ามาแย่งฐานลูกค้าไปบางส่วน
.
ดังนั้นการเริ่มต้นเดินหน้าของ VB จะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อลูกหนี้ที่จะมีทางเลือกในการใช้บริการมากขึ้น แต่จะเป็นลบต่อผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีแผนเข้าร่วม VB ซึ่งจะต้องเผชิญกับ Investment Cycle ในช่วงแรกจนกว่าจะมีระบบพิจารณาข้อมูลลูกค้าที่แข็งแรง และมี Economies of Scales มากพอ
.
ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วม VB จะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนพัฒนาระบบให้มีความสามารถในการให้บริการเท่าเทียมกันกับ VB แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ที่รอคนมาเก็บเกี่ยวในระยะยาว เพราะปัจจุบันประเทศไทยยังมีคนที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินหรือใช้บริการหนี้นอกระบบอยู่มาก
.
โดยแนะนำ KTB (ราคาเป้าหมาย 23 บาท) สำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุนในหุ้นที่เกาะไปกับกระแสการพัฒนาของ VB ซึ่งพัฒนาการถัดไปที่ต้องติดตามคือจำนวนผู้สนใจเข้าร่วมพิจารณาคุณสมบัติในการจัดตั้ง VB โดยจะเริ่มในวันที่ 20 มี.ค. – 19 ก.ย. 67 หากมีจำนวนผู้สนใจน้อยรายจะเป็น Sentiment บวกจากการแข่งขันที่ไม่รุนแรงดังที่ตลาดกังวล ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นธนาคารที่ได้รับผลกระทบจาก VB ต่ำแนะนำ BBL (ราคาเป้าหมาย 190 บาท)
.
สำหรับโดย Timeline ของการเริ่มดำเนินงานของ VB หากอิงตามประกาศล่าสุดนี้ ผู้สนใจจะเริ่มยื่นสมัครเพื่อขอใบอนุญาตได้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. – 19 ก.ย. 67 จากนั้นกระทรวงการคลังและธปท. จะใช้เวลาในการพิจารณาอีก 9 เดือน (เดือน มิ.ย. 68) ก่อนจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ และสุดท้ายผู้ผ่านคุณสมบัติต้องเริ่มเปิดให้ดำเนินการภายในระยะเวลา 1 ปี ทำให้จะเริ่มเห็น VB แรกดำเนินงานภายในเดือน มิ.ย. 69
