ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะลึกบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐเสี่ยงสุดในศึกภาษีทรัมป์-จีน

โดย me too
เผยแพร่ :
136 views

เจาะลึกบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐเสี่ยงสุดในศึกภาษีทรัมป์-จีน

การขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนของรัฐบาลทรัมป์ สะเทือนบริษัทอเมริกัน ทั้ง Apple, Amazon, Foxconn, Boeing ไปจนถึงเกษตรกรทั่วประเทศ

 

 

แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศชะลอมาตรการเก็บภาษีนำเข้ากับหลายประเทศออกไป 90 วัน รวมถึงประเทศไทย แต่ยังคงเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าอย่างเข้มข้นกับ “จีน” โดยตรง ด้วยอัตราที่สูงถึง 145% ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นจาก 84% เป็น 125% ที่ และยังมีภาษีนำเข้า 20% สำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสารเฟนทานิลซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ก่อนหน้านี้แล้ว

แม้จะยกเว้นประเทศอื่นชั่วคราว แต่แรงกระเพื่อมจากมาตรการนี้กลับกระทบโดยตรงต่อบริษัทสัญชาติอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานและฐานการผลิตจากจีน ทำให้หลายรายต้องเร่งปรับแผนการดำเนินธุรกิจอย่างฉับพลัน

Apple  หุ้นผันผวน-กำไรสุทธิอาจหด 9% 

Apple คือหนึ่งในบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีรอบใหม่นี้ เนื่องจาก iPhone และสินค้าอื่น ๆ จำนวนมากของบริษัทถูกผลิตในจีน การขึ้นภาษีจึงอาจทำให้ราคาขายของผลิตภัณฑ์สูงขึ้น หากบริษัทไม่สามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้ ส่งผลให้กำไรขั้นต้นอาจลดลงถึง 9%

ความเคลื่อนไหวนี้ยังสะท้อนในราคาหุ้นของ Apple ที่ปรับตัวผันผวนอย่างรุนแรงหลังการประกาศภาษี โดยบริษัทอาจพิจารณายื่นขอยกเว้นภาษีแบบเดียวกับที่เคยทำสำเร็จในปี 2019

Amazon  ยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากจีน ตัดปัญหาที่ต้นทาง

Amazon ตอบโต้ด้วยการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนและบางประเทศในเอเชียทันที ซึ่งรวมถึงสินค้าอย่างเก้าอี้ชายหาด สกู๊ตเตอร์ และเครื่องปรับอากาศ กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้น แต่กลับสร้างความไม่แน่นอนให้กับซัพพลายเออร์ที่ต้องหาผู้ซื้อรายใหม่ให้กับสินค้าที่ผลิตไปแล้ว

Foxconn เตือนผู้ถือหุ้น พร้อมกระจายฐานผลิต

Foxconn ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ให้บริษัทชั้นนำอย่าง Apple, Dell, Amazon และ HP ได้ออกคำเตือนอย่างเป็นทางการต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากนโยบายภาษีใหม่นี้

แม้จะมีแผนกระจายการผลิตไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดียและเวียดนาม รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างเสถียรภาพในห่วงโซ่อุปทาน แต่ก็ยอมรับว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเป็นความเสี่ยงระยะยาวที่ต้องจับตา

Nintendo ชะลอเปิดพรีออเดอร์ Switch 2

Nintendo บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ ตอบสนองสถานการณ์ด้วยการเลื่อนแผนการเปิดพรีออเดอร์เครื่องเล่น Switch 2 จากวันที่ 9 เมษายนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยระบุว่า ต้องการประเมินผลกระทบจากนโยบายภาษีใหม่ก่อน

Qualcomm  ซื้อทีม AI จากเวียดนาม ปรับแผนกระจายความเสี่ยง

Qualcomm ผู้ออกแบบชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ เลือกใช้กลยุทธ์ระยะยาว ด้วยการเข้าซื้อกิจการด้านปัญญาประดิษฐ์จากกลุ่มบริษัท Vingroup ของเวียดนาม โดยการเข้าซื้อครอบคลุมทั้งทีมผู้เชี่ยวชาญในสาขา Generative AI, Machine Learning, Computer Vision และ Natural Language Processing

Qualcomm ระบุว่าการรวมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและบุคลากรจากเวียดนาม จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจออกจากจีนอย่างเป็นระบบ

Dell และ HP  เผชิญแรงกดดันต้นทุนพุ่ง

เช่นเดียวกับ Apple และ Amazon บริษัท Dell และ HP ซึ่งมีการผลิตอุปกรณ์ในจีนจำนวนมาก อาจต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีใหม่ และมีแนวโน้มต้องปรับโครงสร้างซัพพลายเชนในอนาคตอันใกล้

Boeing เสี่ยงเสียเปรียบ Airbus และคู่แข่งจากจีน

ตามรายงานของรอยเตอร์ มาตรการภาษีศุลกากรอาจส่งผลให้ Boeing สูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาต่อ Airbus และผู้ผลิตเครื่องบินของจีน หากภาษีนำเข้าทำให้ราคาส่งออกสูงขึ้น

Shein และ Temu 

Shein และ Temu ที่สามารถเจาะตลาดอเมริกาได้ด้วยสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ และของใช้ที่ผลิตในจีนและจัดส่งตรง ราคาที่แข่งขันได้สูงทำให้บริษัทอีคอมเมิร์ซจีนเหล่านี้เริ่มกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในบ้านของแบรนด์อเมริกัน แต่ผลิตภัณฑ์อาจมีราคาสูงขึ้นเนื่องจากมีการกำหนดภาษีใหม่ 

เกษตรกรสหรัฐ เสี่ยงเสียตลาดจีนให้บราซิล

นอกจากภาคอุตสาหกรรมแล้ว ภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ปลูกถั่วเหลือง ข้าวฟ่าง ข้าวโพด เนื้อวัว และไก่ ซึ่งจีนเคยเป็นลูกค้ารายใหญ่

ปีที่ผ่านมา จีนใช้เงินกว่า 24,650 ล้านดอลลาร์ซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ แต่เมื่อราคาสินค้าเหล่านี้ถูกผลักให้สูงขึ้นจากภาษี จีนอาจหันไปนำเข้าจากประเทศอื่น เช่น บราซิล ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของเกษตรกรอเมริกันในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของข้าวฟ่างที่ใช้กลั่นเป็นเครื่องดื่ม Baijiu ยอดนิยมในจีน

 

ที่มา https://www.thansettakij.com/

 


me too