บอร์ด รฟท. ไฟเขียวเปิดประมูลพีพีพีรถไฟอีอีซีเชื่อมอีสาน 2 หมื่นล้าน บาท คาดประมูลปลายปี จ่อขายซองทีโออาร์รถไฟไฮสปีดกลางเดือนหน้า
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟม.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ( บอร์ด ) รฟม.ได้มีมติเห็นชอบโครงการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการเดินรถขนส่งสินค้าเส้นทางขอนแก่น –แหลมฉบัง วงเงิน 2 หมื่นล้าน บาท โดยจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการภาครัฐ ( พีพีพี )และ รฟท. จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและงานก่อสร้าง
ด้านเอกชนลงทุนจัดหารถไฟ งานระบบรวมถึงงานซ่อมบำรุง ซึ่งระบบการเดินรถจะเป็นรถไฟฟ้า โดยหลังจากบอร์ดอนุมัติโครงการจะเร่งเสนอแผนเข้าสู่กระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของภาครัฐ( บอร์ดพีพีพี ) ควบคู่ไปกับการร่างเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคา( ทีโออาร์ ) คาดว่าจะเปิดประมูลปลายปี พ.ศ 2561
สำหรับโครงการนี้จะเป็นกลไกส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้าในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก( อีอีซี ) โดยเฉพาะเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งสินค้าจากภาคอีสานและประเทศเพื่อนบ้านมาเชื่อมต่อการขนส่งทางน้าที่ท่าเรือขนาดใหญ่ในอีอีซี
ขณะที่ความคืบหน้าการจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน วงเงิน 6,500 ล้าน บาท บอร์ดได้เห็นชอบทีโออาร์แล้ว และ รฟม.จะนำร่างทีโออาร์ขึ้นเว็บไซต์ เพื่อเปิดประชาวิจารณ์และเข้าสู่ขั้นตอนการประมูล ตั้งเป้าจะได้ตัวผู้ชนะโครงการและลงนามสัญญาภายในปีนี้
นอกจากนี้ ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินอีอีซี ช่วงกรุงเทพฯ – ระยอง ระยะทาง 260 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 2.15 แสนล้าน บาท นั้น คาดว่าทีโออาร์จะเสร็จพร้อมเสนอกระทรวงคมนาคมในสัปดาห์นี้ควบคู่กับเปิดฟังความคิดเห็นทางเว็บไซต์ จะประกาศเชิญชวนเอกชนซื้อซองทีโออาร์ภายในเดือน พ.ค. และ อีก 15 วันจะขายซองประมูลโครงการและมีเวลาให้เอกชนศึกษาก่อนยื่นซองประมูล 4 – 5 เดือน
นายวรวุติ มาลา รองผู้ว่าการ กลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รฟม.กล่าวว่า บอร์ด รฟม.ได้มีมติเห็นชอบแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ หลังจากนี้ รฟม. จะพิจารณารายละเอียดเพื่อแบ่งพื้นที่พัฒนา ซึ่งปีนี้จะเปิดประมูลพื้นที่แปลงเอ มูลค่า 1 หมื่นล้าน บาท ได้
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com