หุ้นโรงพยาบาล โอกาสหรือความเสี่ยง ... ?

เมื่อวานหน่วยงานภาครัฐ มีการให้ข่าวว่า คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติให้ยาและสินค้าเวชภัณฑ์ รวมถึงค่าบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าควบคุม ซึ่งประเด็นนี้ทำให้รายได้ของโรงพยาบาลเอกชนลดลง ส่งผลให้หุ้นโรงพยาบาลร่วงอย่างแรงโดยเฉพาะ 3 หุ้นใหญ่อย่าง BDMS - BH และ BCH อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังไมมีรายละเอียดอะไรมากนักต้องรอการอนุมติสัปดาห์หน้า

การที่หุ้นโรงพยาบาลลงมารอบนี้ถือเป็นโอกาสปรับพอร์ตลดหุ้นออกไปเพราะกำไรอาจจะไม่ดีเหมือนเดิม หรือเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุนระยะยาวกันแน่ วันนี้เรามาฟังสรุปความเห็นของนักวิเคราะห์กันครับ

บล.หยวนต้า วิเคราะห์ว่ากลุ่มโรงพยาบาลน่าจะฟื้นตัวได้ยากตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจน แต่การกำหนดมาตรการลักษณะนี้น่าจะทำได้ค่อนข้างยากเนื่องจากต้นทุนของโรงพยาบาลไม่เหมือนกัน กรควบคุมทำให้กระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการ การบริการและคุณภาพก็จะลดลง ทางบทวิเคราะห์มองว่าเกณฑ์ลักษณะนี้ยากที่จะผลักดันออกมา
อย่างไรก็ตามคงคำแนะนำ "Wait & See" รอดูความชัดเจนในสัปดาห์หน้า

บล.เคจีไอ วิเคราะห์ว่า รายละเอียดยังไม่มีความชัดเจนอะไรมากนักจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าส่งผลเสียหายต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมากน้อยแค่ไหน โรงพยาบาลต่างประเทศมี Net Margin ประมาณ 5-10% ในขณะที่ของไทยอยู่ประมาณ 12-20% อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าการคุมในเรื่องของการให้บริการทางการแพทย์เป็นสิ่งที่คุมยากที่สุด ให้น้ำหนักกลุ่มโรงพยาบาลเป็น Neutral โดยเลือก BCH เป็นหุ้นเด่นให้ราคาเป้าหมาย 21.5 บาท

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เผยว่าข่าวยังไม่มีความชัดเจน จึงไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ แต่คิดว่าอัตรากำไรจะโดนกระทบอย่างแน่นอน โดยราคายาที่ลดลง 5% จะกระทบกับกำไรสุทธิราวๆ 10% ดังนั้นในภาพระยะสั้นหุ้นกลุ่มนี้จะโดนปัจจัยลบกัดดันอยู่เรื่องๆตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจนเข้ามา

บล.โนมูระ พัฒนสินมีมุมมอง "เชิงลบ" โดยรายได้จากค่ายาและค่าเวชภัณฑ์รวมๆแล้วเป็นสัดส่วนประมาณ 30-45% ทำให้ตลาดกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

บล.กรุงศรี มองว่าหุ้นโรงพยาบาลสะท้อนข่าวลบไปเยอะแล้ว ทำให้ Downside ที่จะลงต่อมีจำกัด อาจมีเกิด Technical rebound ได้บ้าง แต่ประเด็นสำคัญคือการรอความชัดเจนในมาตรการ

บล.เอเซียพลัส เผยว่ากระทบกับจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น แต่ระยะยาวมั่นใจว่ายังดีอยู่ในเชิงพื้นฐานเพราะเป็นปัจจัย 4 อย่างไรก็ตามถ้าดูจากภาพรวมถือว่าหุ้นโรงพยาบาลมีราคาค่อนข้างสูงจึงแนะนำน้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาด

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ให้บริการเงินสด อย่าง BDMS ที่มีโรงพยาบาลในเครือจำนวนมาก หรือ BH/PR9 เนื่องจาก รพ. เหล่านี้ให้บริการโรคซับซ้อน และต้องใช้เทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย ใช้เงินลงทุนสูง การประเมินหาค่ากลางยังทำได้ยาก รวมถึงมีการใช้ยาต้นแบบ (นำเข้าจากต่างประเทศ) ที่มีต้นทุนสูง ซึ่งโดยปกติจะบวกกำไรไม่มากอยู่แล้ว

ส่วนโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนจากประกันสังคมไม่น่าจะกระทบอะไรมาก เช่น BCH, CHG, LPH และ RJH
แต่ถ้าเป็นหุ้น Top Pick คือหุ้น BDMS ให้ราคา 30 บาท

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส วิเคราะห์ว่า ไม่น่าจะกระทบอะไรมาก ถ้ามองในระยะยาวแล้วกลุ่มนี้ยังสอดคล้องกับธีม Aging Society พื้นฐานของกลุ่มยังดีอยู่แน่นอน แนะนำ BDMS เป็นหุ้นเด่น ทยอยซื้อสะสมจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว และยังคงแนะนำ BCH & CHG เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากประกันสังคมราวๆ 30-40%

บล.ฟินันเซียไซรัสปรับน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มการแพทย์ลงเป็น Neutral คาดว่ากำไรปกติน่าจะชะลอตัวราวๆ 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าดูจากภาพรวมของกลุ่มแล้วสะท้อนปัจจัยลบไปมากจึงเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อลงทุนระยะยาว

== สรุป ==
บทวิเคราะห์เกือบทุกสำนักวิเคราะห์ว่า ยังไม่มีความชัดเจน จึงประเมินอะไรไม่ได้ แต่ภาพระยะสั้นกระทบกับจิตวิทยาของหุ้นอย่างแน่นอน ตราบใดที่ไม่มีความชัดเจน หุ้นน่าจะขึ้นกลับไปได้ยาก อย่างไรก็ตามภาพระยะยาวยังคงสดใสเพราะเป็นปัจจัย 4 และประเทศกำลังเข้าธีม Aging Society บทวิเคราะห์มองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาวมากกว่าครับ