วิธีการลงทุนให้สบายใจ
ก่อนอื่น ขอสวัสดีปีใหม่กับนักลงทุนทุกท่าน รวยๆ เฮงๆ ประสบความสำเร็จในการลงทุน ตลอดปี 2018 นี้ เชื่อว่าปีที่แล้วมีนักลงทุนหลายท่านมีความรู้สึกเครียดและกังวลอยู่ตลอด กลัวว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเหตุการณ์การเมือง ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศ รอบประเทศ หรือ แม้กระทั่งอีกซีกโลกหนึ่งล้วนมีผลกระทบกับการลงทุนทั้งสิน โดยที่นักลงทุนไม่ได้ไปลงทุนในต่างประเทศเลย ก็ยังมีโอกาสที่ทำให้หุ้นที่ถือไว้ขาดทุนอย่างหนัก ความกังวล ความระแวงไม่สบายใจ จึงกลายเป็นหนึ่งในต้นทุนในการลงทุนหรือเทรดหุ้นด้วย ในสถานการณืเช่นนี้ โจทย์ในการลงทุนจึงกลายเป็นว่า ทำอย่างไรให้เราลดความไม่สบายใจลงได้
1. หวังผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นให้เหมาะสม สำหรับหุ้นไทย คือ ทบต้นเฉลี่ยต่อปีประมาณ 10% ถ้ามีความสามารถมากก็ไม่ควรเกิน 15% ต่อปี โดยคำว่าระยะยาวควรมากกว่า 10 ปีขึ้นไป การตั้งผลตอบแทนที่คาดหวังให้เหมาะสมทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งพอร์ตมากจนเกินไป เพราะการทำเช่นนั้นอาจทำให้เราเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
2.เลือกซื้อหุ้นโดยใช้หลักความปลอดภัยของบริษัทเป็นหลัก คือ หุ้นที่มีความเปลี่ยนแปลงช้าในด้านธุรกิจ ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีมาก เป็นสิ่งจำเป็นต้องกินต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม ถ้านักลงทุนมีโอกาสได้ใช้บริการเป็นประจำจะดีมาก
3.มีการกระจายความเสี่ยงในการถือหุ้นอย่างเหมาะสม ไม่ควรถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเกิน 30% ของพอร์ตแต่ก็อย่ากระจายจนเป็นเบี้ยหัวแตก ควรกระจายถือในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ควรถือหุ้นเกิน 15 ตัว
4.มีการตั้งกฎคร่าวๆว่าในแต่ละปีเราจะขายหุ้นไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตการลงทุน เช่น จะไม่ซื้อขายหุ้นตลอดทั้งปีเกินกว่า 2 เท่าของพอร์ตการลงทุน หากเราซื้อขายหุ้นมากกว่านั้นแสดงว่า เรากำลังถือหุ้นสั้นเกินไป กลายเป็นการเก็งกำไร ซึ่งนักเก็งกำไรจะมีวิธีการซื้อขายหุ้นต่างกับนักลงทุนค่อนข้างมาก และในภาพรวมต้องรับมือกับความเครียดที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน
5.อย่าสนใจเปร์เซ็นต์การขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัวมากนัก ให้ดูภาพรวมของทั้งพอร์ตว่ามีการเติบโตเป็นอย่างไร การดูภาพรวมของพอร์ตจะทำให้เราเห็นความผันผวนที่น้อยลง และเกิดความเครียดน้อยลง ถ้าเราเลือกหุ้นได้ถูกต้อง เราจะเห็นพอร์ตการลงทุนเติบโตไปอย่างช้าๆแต่สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ
6.การจะพิจารณาซื้อหรือขายหุ้นแต่ละตัวอย่าให้ความสนใจกับราคารายวันมากจนเกินไป สิ่งที่ควรทำคือ ให้ติดตามผลตอบแทนและผลประกอบการของบริษัทที่เราถือไว้ว่าเป็นอย่างไร ดีขึ้น แย่ลง และมีสาเหตุมาจากอะไร การพิจารณาว่าจะซื้อหรือขายไม่ควรที่จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว กรณีที่เราคาดการณ์ผิดก็ขายทิ้งได้ อย่ายึดติดกับความถูกผิด เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่เราต้องการคือผลตอบแทนจากตลาด ไม่ได้ต้องการเพียงชนะหรือแพ้
7.เมื่อได้รับเงินปันผลอย่าเอาเงินออกจากพอร์ตถ้าไม่จำเป็น ให้นำเงินนั้นเข้าไปลงทุนอีกเพื่อหวังผลตอบแทนแบบทบต้นที่มากกขึ้น แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอีกเช่นกันที่จะต้องซื้อหุ้นทันทีหลังได้รับเงินปัน ให้พิจารณาองค์ประกอบต่างๆจนกว่าจะแน่ใจและมั่นใจ และไม่นำเงินร้อน หรือเงินที่จำเป็นต้องใช้มาลงทุน เพราะหากขาดทุน จะยิ่งทำให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก
8.ในทุกปีให้คำนวณหาผลตอบแทนประจำปี ดูว่าได้เท่าไรเมื่อเทียบกับตลาด และเป้าหมายระยะยาว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเทียบกับคนอื่น หากเราแพ้ทั้งตลาดและเป้าหมายของตนเอง ให้ดูว่าปันผลที่เราได้รับในปีนั้นเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากใช่แสดงว่าการลงทุนของเรานั้นไม่ได้ผิดพลาด หุ้นอาจไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก แต่ในอนาคตจะปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก
9.ทั้งหมดนี้คือวิธีการลงทุนอย่างสบายใจ จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากเราสามารถสร้างผลตอบแทนได้มหาศาลแต่แลกมาด้วยความเครียด ความกังวล ซึ่งทำให้เสียสุขภาพจิต หวังว่าบทความนี้จะพอเป็นแนวทางในการเลือกวิธีลงทุนสำหรับปี 2018 ให้กับนักลงทุนทุกท่านที่ต้องการลงทุนอย่างสบายใจ
อ้างอิง : ลงทุนหุ้นอย่างสบายใจ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร