‘เซ็นทรัล’ เข้าซื้อกิจการ ‘ลัคกี้ สุกี้’ ถือหุ้น 40% ปิดดีล 940 ล้าน ทำสงครามสุกี้เดือดกว่าเดิม!
By พิราภรณ์ วิทูรัตน์

นับจากนี้หม้อสุกี้เดือดยิ่งกว่าเดิม! “เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป” เข้าซื้อกิจการ “ลัคกี้ สุกี้” ถือหุ้นสัดส่วน 40% มูลค่า 940 ล้านบาท ถึงคราว 3 ยักษ์สุกี้ชนกันตรงๆ อาจได้เห็น “ลัคกี้ สุกี้” เข้าห้างตามหัวเมืองพรึ่บพรั่บ!?
เมื่อวาน (วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568) เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เผยแพร่เอกสารการแจ้งการลงทุนของ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ซึ่งรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2568 มีมติให้ “เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป” (CRG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนใน บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด (MP) ด้วยเงินลงทุนรวม 620 ล้านบาท ผ่านการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม และร่วมเพิ่มทุนรวม 140,000 หุ้น ส่งผลให้ CRG เข้าถือหุ้นใน MP สัดส่วน 40%
โครงสร้างและสถานะธุรกิจของ MP
บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด (MP) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ประกอบธุรกิจร้านอาหารประเภทสุกี้และบาร์บีคิว ภายใต้แบรนด์
- ลัคกี้สุกี้ (Lucky Suki)
- ลัคกี้บีบีคิว (Lucky BBQ)
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ระบุว่า MP มีสาขารวม 38 สาขา โดยเป็นร้านลัคกี้สุกี้ 27 สาขา และลัคกี้บีบีคิว 11 สาขา ทุนจดทะเบียนเดิมของบริษัทอยู่ที่ 24.5 ล้านบาท และได้มีการชำระทุนครบถ้วนแล้วก่อนการร่วมลงทุนของ CRG ในครั้งนี้
สัดส่วนการถือหุ้นใหม่หลังทำรายการ
ก่อนทำรายการ ผู้ถือหุ้นทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 245,000 หุ้น หลังเข้าทำรายการและเพิ่มทุน มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ดังนี้
- กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม: 210,000 หุ้น (60%)
- CRG: 140,000 หุ้น (40%) ทำให้ทุนจดทะเบียนใหม่รวมเป็น 350,000 หุ้น
รายละเอียดเงินลงทุนของ CRG
การเข้าลงทุนครั้งนี้ CRG ดำเนินการ
- ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 35,000 หุ้น
- เข้าร่วมเพิ่มทุนจำนวน 105,000 หุ้น รวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 940 ล้านบาท (คิดรวมทั้งส่วนซื้อหุ้นและเงินเพิ่มทุน)
บริษัทระบุว่า เงินลงทุนดังกล่าวใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน และขยายธุรกิจของ MP ตามแผนที่กำหนด
ทั้งนี้ สำหรับ “ลัคกี้ สุกี้” ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 เพิ่งมีอายุครบรอบ 3 ปีไปหมาดๆ พร้อมกับผลประกอบการที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอด 3 ปี ดังนี้
- ปี 2567: รายได้ 1,015 ล้านบาท กำไรสุทธิ 108 ล้านบาท
- ปี 2566: รายได้ 409 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46 ล้านบาท
- ปี 2565: รายได้ 79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.6 ล้านบาท
“ลัคกี้ สุกี้” มี “แอน-รสรินทร์ ติยะวราพรรณ” เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร มีแบคกราวนด์ด้านธุรกิจจากการทำร้านกาแฟ “Rolling Roasters” หรือที่คนละแวกนั้นเรียกกันติดปากว่า “กาแฟลูกโลก” รวมถึงทำธุรกิจอาหารสัตว์ของที่บ้านร่วมกับสามีมาก่อน
ดูแลร้านกาแฟได้สักพัก “แอน” ก็ได้เจอกับลูกค้าประจำที่มากินบ่อยๆ จนมีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน คุยไปคุยมาก็รู้สึกว่า เคมีตรงกัน จึงเอ่ยปากชักชวนลูกค้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจร่วมกัน ซึ่งธุรกิจที่เธอเสนอไอเดียก็คือการเปิดร้านสุกี้ โดยก่อนหน้านั้น “แอน” เริ่มศึกษาตลาดสุกี้มาพักใหญ่ มั่นใจว่าทำได้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต
ใช้เวลาหลังจากนั้นราวๆ 3-4 เดือน ก็ออกมาเป็น “ลัคกี้ สุกี้ สาขาแรก” จากหุ้นส่วน 2 คน ขยายมาเป็น 4 คน โดยที่ไม่มีใครเคยทำธุรกิจอาหารมาก่อน แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน เพราะตั้งต้นจากโจทย์สั้นๆ ง่ายๆ คือตัวเราต้องการกินอาหารแบบไหน อยากส่งต่ออะไรให้กับลูกค้ากันแน่
จนถึงปัจจุบัน ทั้งเครือ “ลัคกี้ สุกี้” มี 27 สาขา “ลัคกี้ บีบีคิว” 11 สาขา รวมทั้งสองแห่งมีทั้งหมด 38 สาขา คาดว่า จะจบปี 2568 ที่ 42 สาขา พร้อมกับเป้ารายได้อีกหนึ่งเท่าตัวที่เคยประเมินไว้ช่วงต้นปีว่า จะไปให้ถึง “2,000 ล้านบาท”
ทีมา.. https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1207782