ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องอนาคต! ธุรกิจความงามในตลาดหุ้นไทย

โดย CARE
เผยแพร่ :
327 views

ส่องอนาคต! ธุรกิจความงามในตลาดหุ้นไทย

“รพ.มาสเตอร์พีซ” และ “เดอะคลีนิกค์”

.

หากพูดถึงหุ้นไอพีโอน้องใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็คงต้องยอมรับว่าราคาหุ้นส่วนใหญ่ที่เปิดทำการซื้อขายในวันแรกมีการปรับตัวได้อย่างร้อนแรงก่อนที่จะทยอยผ่อนคันเร่งลงมา แต่สำหรับ 2 หุ้นความสวยงามอย่างบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ และบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER

.

จากการสำรวจราคาหุ้นตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายมาถึงปัจจุบัน(ณ วันที่ 3 เมษายน 2566) ราคาหุ้น MASTER ปรับตัวขึ้นถึง 83.70% มาอยู่ที่ 84.50 บาท และ ราคาหุ้น KLINIQ ก็ปรับตัวขึ้นมา 67.35% มาอยู่ที่ 41 บาท ซึ่งทาง Wealthy Thai ก็จะพานักลงทุนไปดูกลยุทธ์การลงทุนและพื้นฐานของ 2 หุ้นดังกล่าวกัน

.

โดยนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองถึง ราคาหุ้น MASTER และ KLINIQ ที่ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันสะสมกลุ่มหุ้นที่การเติบโตแบบเน้นคุณภาพ โดยทีมนักวิเคราะห์ประมาณการเติบโตของกำไรจะเฉลี่ยอยู่ 25-30% ใน 1-3 ปีข้างหน้า

.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้น KLINIQ เราคงแนะนำ “ซื้อ” และกำหนดราคาเป้าหมายที่ 48.10 บาท ตามการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2566-68 ขึ้นอีก 13% เป็น 272 ล้านบาท,ปี 2567 ปรับขึ้นอีก 10% เป็น 353 ล้านบาทและปี 2568 ปรับขึ้นอีก 7% เป็น 446 ล้านบาท เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 ที่ออกมาดีกว่าคาดและแนวทางการเติบโตปี 2566

.

ทั้งนี้ แม้ปี 2566 จะมีการปรับลดประมาณการรายได้ลง แต่ถูกชดเชยด้วยการปรับเพิ่มประมาณการอัตรากำไรและปรับลดประมาณการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลง โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท ด้วยอัตรากำไรสุทธิที่ 12.3% เทียบกับแนวทางของผู้บริหารที่ 2 พันล้านบาท และ 13% ตามลำดับ

.

ด้าน MASTER บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “TRADING” และผู้ไม่มีสถานะแนะนำ “รอซื้อเมื่ออ่อนตัว” กำหนดราคาเป้าหมายที่ 74 บาท เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรง ทำให้อัพไซด์ต่อราคาหุ้นค่อนข้างจำกัด

.

สำหรับรายได้ปี 2566 ได้มีการปรับประมาณการขึ้นอีก 12% เป็น 1.90 พันล้านบาท จากการปรับเพิ่มอัตราการใช้ห้องผ่าตัดที่ขึ้นมาเป็น 48% จาก 45% เพื่อสะท้อนผลของการใช้งบการตลาดที่มากกว่าคาดและปรับราคาค่าบริการเฉลี่ยต่อเคสขึ้น ขณะที่กำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 3.6% เป็น 445 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับอัพไซด์จากการซื้อกิจการ

 


CARE