13 กันยายน 2561 / 02.42 น.
โดย Wattana Stock Page
โดนด่ายับในกลุ่มสังคมออนไลน์เกี่ยวกับหุ้น สำหรับคุณกรณ์ จาติกวณิช ที่ตัดสินใจยื่นเรื่องถึงนายก เกี่ยวกับเรื่องการเข้าทำธุรกิจแข่งกับเอกชนของ PTT จนเป็นเหตุให้หุ้น PTT ปรับตัวลง
ถามก่อนว่า PTT ปรับตัวลงจากข่าวนี้จริงหรือ??
ไม่ใช่เลย!!!
ภาพของ PTT ดูไม่ดีตั้งแต่วันที่มีแรงซื้อที่ 53 บาทที่ขวางอยู่ 10 กว่าล้านหุ้นแล้วไม่สามารถผ่านไปได้ และลงมาปิดที่ 52.25 บาท แล้ว นั่นเป็นลางบอกเหตุว่า แรงซื้อไม่มากพอที่จะชนะ และอาจต้องมีการปรับตัวลงมาก่อน
และการปรับลงของ PTT ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีที่มีข่าวเรื่องคุณกรณ์ เพราะในวันที่มีข่าวหุ้นยังไม่ลง แต่มาลงหลังจากนั้นอีกวันหนึ่ง
แต่ก็เป็นธรรมดาของตลาดหุ้น ที่นักลงทุนมักจะหาเหตุเพื่อสนับสนุนผลที่เกิดตามมาเสมอ หรือเรียกว่า "หาแพะ" นั่นเอง ซึ่งคุณกรณ์ ก็ตกเป็นแพะ กับเรื่องดังกล่าว
ออกตัวก่อนเลยว่า ผมไม่ใช่แฟนคลับ ปชป. และก็ไม่ใช่แฟนคลับของคุณกรณ์นะ แต่ผมก็ไม่ได้มองว่า การออกมาของคุณกรณ์ในครั้งนี้จะถึงขนาดทำให้หุ้น PTT ถูกแรงเทขายกระหน่ำขนาดนี้ได้ เพราะถ้าเราดูยอด NVDR ของการซื้อขายวันอังคารที่ผ่านมา มียอดขายสุทธิสูงถึง 800 ล้านบาท
ถ้าผมเป็นคุณกรณ์ผมคงแอบภูมิใจลึกๆว่าสิ่งที่ทำนั้น ถึงขนาดทำให้ฝรั่งยอม net sell หุ้น PTT มากถึง 800 ล้านบาท
ประเด็นที่คุณกรณ์เล่นงาน PTT มีอยู่ 2 เรื่องก็คือ
1. การเข้าซื้อ GLOW โดย GPSC ซึ่งเป็นบริษ้ทลูกของ PTT ว่าจะทำให้เกิดการรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้า และอาจทำให้เกิดการผูกขาด
2. การเปิดร้านกาแฟ café amazon นอกปั๊มน้ำมัน เป็นการทำธุรกิจแข่งกับเอกชน ซึ่งผิดข้อกำหนดของรัฐวิสาหกิจ
ประเด็นของ GLOW นั้น ส่วนตัวผมรู้สึกเฉยๆ เพราะว่าโรงไฟฟ้าของ GLOW ณ ปัจจุบันก็ผลิตไฟให้กับบริษัทในเครือ PTT เป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อผู้ถือหุ้นเขาต้องการจะขาย แล้ว PTT จะเข้าไปซื้อ มันก็ดูไม่ได้แปลกอะไร จะมองว่า การเข้าซื้อ GLOW จะเป็นการเริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าของ PTT มันก็เป็นการกล่าวหากันเกินไป
แต่ผมแอบเห็นด้วยเล็กน้อยกับประเด็น café amazon ของคุณกรณ์นะ
หาก PTT จะเปิด café amazon เฉพาะในปั๊มน้ำมัน ผมว่ามันไม่แปลก แต่การขยายธุรกิจออกมานอกปั๊มน้ำมัน อันนี้มันอาจดูไปในเชิงการทำธุรกิจแข่งกันเอกชนก็ได้
แม้ PTT จะบอกว่า café amazon นั้น เป็นการขายแฟรนไชส์ ซึ่งก็ให้ผู้ที่สนใจมาของแฟรนไชส์ไปเปิดกิจการ ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์ก็คือเอกชนที่มาซื้อแฟรนไชส์ไปนั่นเอง
แต่อย่าลืมว่า คนที่เป็น "เสือนอนกิน" คือ PTT
เงื่อนไขการเปิดร้านเบื้องต้นที่ต้องมีเงินลงทุนระดับหลายล้านบาท แถมด้วยค่าส่วนแบ่ง royalty fee 3% บวกกับ ค่า marketing fee อีก 3% รวมเป็น 6% ของยอดขาย และยังกำหนดให้ต้องมีการปรับปรุงร้านทุก 3 ปี ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดค่าใช้จ่ายไว้
มันจึงไม่ใช่ว่า ทุกคนที่ขอแฟรนไชส์ café amazon มาเปิดนั้นจะได้กำไร บางร้านต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี กว่าจะคุ้มทุน แต่ PTT นั้นกินตั้งแต่วันแรกที่เขาเดินมาขอเปิดร้านไปเรื่อยๆ โดยไม่สนว่าเขาเปิดแล้วจะกำไรหรือขาดทุนนะ
ถามคนในแวดวงแฟรนไชส์ก็ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ค่าแฟรนไชส์ของ café amazon นั้น "โหดมาก"
การที่จะกล่าวอ้างว่า café amazon นั้นเป็นประโยชน์ต่อสังคม จึงไม่น่าจะใช่ เพราะดูแล้วผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ PTT
หลายคนมองว่า café amazon นี่ล่ะ ที่พอจะวัดวากับ starbucks ของเมืองนอกได้ ก็น่าภูมิใจที่ธุรกิจของคนไทยจะสามารถแข่งขันได้กับทุนต่างชาติ
แล้วผู้ประกอบการรายอื่นที่เป็นคนไทยล่ะ ก็โดนผลกระทบไปด้วยกับการขยายตัวของ café amazon ไม่ใช่หรือ?
บางคนแขวะว่า PTT เป็นบริษัทเอกชนนี่นา จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้องทำเพื่อประโยชน์ของ "ผู้ถือหุ้น" ทำเพื่อกำไรของบริษัท
คนเหล่านี้กำลัง "คิดผิด"
PTT ไม่ใช่บริษัทเอกชนนะครับ
PTT ยังคงสภาพการเป็น "รัฐวิสาหกิจ" เพียงแต่เป็นรัฐวิสาหกิจที่ถูกแปรรูปเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศคนอื่นมีส่วนในการเข้าถือหุ้นร่วมด้วยเพียงบางส่่วน แต่ "รัฐ" ยังคงถือหุ้นใหญ่อยู่ใน PTT
PTT ยังคงมีบอร์ดและกรรมการที่มาจากภาครัฐ และยังคงต้องนำส่งรายได้ให้แก่รัฐในรูปของ "เงินปันผล" ซึ่งเรามักจะเห็นเสมอว่า การจ่ายปันผลของ PTT จะมากหรือน้อย นอกจากผลกำไรแล้ว ส่วนหนึ่งก็อิงมาจาก "ความต้องการเงิน" ของภาครัฐด้วย
แต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น มีข้อดีตรงที่ว่า การบริหารงานต่างๆที่เคยเป็นระบบราชการนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นการบริหารงานในรูปแบบของเอกชน ซึ่งมีความคล่องตัวมากกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า
"แต่ไม่ได้ทำให้สภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจต้องเปลี่ยนไป"
และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไปเสียทั้งหมด เพราะอย่างกรณีของ THAI นั่นคือ ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ส่วนของ PTT และ AOT คืออะไรที่มัน "ดีมาก"
แต่รู้หรือไม่ว่า "การเมือง" และ "ขั้วอำนาจ" ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในรัฐวิหากิจเหล่านี้อยู่ดี แม้ว่าจะได้ชื่อว่าแปรรูปเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัยพ์แล้วก็ตามแต่
ดังน้้น คนที่คิดว่า PTT เป็นบริษัทเอกชนที่ต้องแสวงหากำไรทุกวิถีทางนั้น มันไม่น่าจะใช่
เพราะ PTT ไม่เคยเป็นบริษัทเอกชนเลย PTT เป็นรัฐวิสาหกิจตั้งแต่วันที่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน แต่ปัจจุบันเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรูปแบบการบริหารงานแบบเอกชน ซึ่งยังคงต้องประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามนโยบายของชาติบ้านเมืองเฉกเช่นที่ผ่านมา
ดังนั้นข้อห้ามของรัฐวิสาหกิจที่คุณกรณ์อ้างว่า รัฐวิสาหกิจต้องไม่ทำธุรกิจแข่งกับเอกชนนั้น มันก็ฟังดูมีน้ำหนักอยู่เหมือนกัน เพราะต้องไม่ลืมว่า café amazon ไม่ได้ฆ่า starbucks แต่ฆ่าผู้ประกอบการร้านกาแฟรายย่อยไปหลายร้านแล้ว
หรือเพราะว่าเป็น PTT มันจึงน่าสนับสนุน
ทีเจ้าสัวขายกาแฟในเซเว่น ขายข้าวกล่องในเซเว่น กลับโดนคนด่าแบบเอาเป็นเอาตาย แต่พอ PTT ทำกลับเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญอย่างนั้นหรือ?
ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนเลี่ยงบาลีบอกว่า PTT ไม่ได้เป็นคนทำธุรกิจนี้นะ แต่เป็น PTTOR ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTT ทำ ซึ่ง PTTOR ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ
ปัจจุบันยังไม่ได้มีการเอา PTTOR เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ การโอนทรัพย์สินกำลังจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 นี้ล่ะ ก็เท่ากับว่ายังเป็น PTT อยู่ดีมิใช่หรือ?
ตรงนี้ก็แล้วแต่คนจะคิด อาจจะมองว่า PTT มีสิทธิทำก็มองได้ แต่คนที่เขามองว่า PTT มีความเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ และไม่ควรทำ มันก็มองได้ มันจึงเป็นสิทธิของคุณกรณ์ที่จะยื่นเรื่องไปยังนายก ถ้ามองว่ามันดูไม่เหมาะสม
แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่า "แล้วมันก็จะเงียบหายไป"
ถ้าราคาหุ้น PTT กลับมา ก็จะไม่มีใครด่าคุณกรณ์ หรือถ้าคุณกรณ์ยื่นเรื่องไปยังนายกแล้วหุ้นไม่ลง ก็จะไม่มีใครใส่ใจ
แต่คุณกรณ์ซวยตรงที่ว่า ยื่นหนังสือไปแล้ว ตลาดหุ้นดันร่วงระนาวในวันถัดมา
เอาเถอะนะ คิดเสียว่า ได้ฉายา "กรณ์ 20 จุด" คล้ายๆกับ "อุ๋ย 100 จุด" อะไรอย่างเนี้ย อย่าคิดมาก