ห้องเม่าปีกเหล็ก

ซุปเปอร์เทรดฯ มองตลาดหุ้นปี 2560 แกว่งตัว Sideway กรอบใหญ่

โดย knowledge_trader
เผยแพร่ :
73 views

 

ผู้บริหาร ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค มองตลาดหุ้นไทยปี 2560 แกว่งตัวแรง ภายใต้กรอบ 1,200-1,600 จุด จับตาวิกฤตที่จะมาทุก 10 ปี กระทบตลาดหุ้น แนะเทรดเดอร์ศึกษาสินค้าที่สามารถเทรดได้ทั้งขาขึ้น และขาลง เพื่อบริหารความเสี่ยง

ซุปเปอร์เทรดฯ มองตลาดหุ้นปี 2560 แกว่งตัว Sideway กรอบใหญ่


       
       นายกระทรวง จารุศิระ ประธานกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด มองภาพรวมของตลาดหุ้นไทยปี 2560 เป็นแนวโน้มออกข้าง (Sideway) กรอบใหญ่ ตั้งแต่ 1,200-1,600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยบวกใดที่ทำให้หุ้นขึ้นแรงๆ ได้ และยังไม่เห็นปัจจัยเสี่ยงอะไรที่จะทำให้เกิดวิกฤตจนหุ้นตกแรงๆ เช่นกัน
       
       “แต่ห้ามประมาท เพราะคำว่า “วิกฤต” จะเกิดขึ้นขณะที่เราไม่รู้ตัวเสมอ กว่าจะรู้ว่าเป็นวิกฤต ก็มักจะเกิดขึ้นไปแล้ว ส่วนภาพรวมการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนไทยน่าจะเป็นไปตามปกติเท่านั้น ไม่ได้เติบโตโดดเด่นมากจนทำให้หุ้นขึ้นเกินกว่า 1,600 จุด”
       
       ข้อดีของการการที่ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวแบบแนวโน้มออกข้าง ทำให้มีกรอบในการเทรดที่ชัดเจน คือเมื่อหุ้นลงแรงๆ ก็สามารถเข้าไปซื้อได้ และขายเมื่อหุ้นขึ้นถึงสุดทาง หรือจะเล่นโปรดักต์อย่าง Short TFEX หรือ Put DW ก็ได้เช่นกัน
       
       หุ้นที่น่าสนใจในการลงทุน ต้องหาหุ้นที่มีผลกำไรเติบโตทุกไตรมาส และต้องเติบโตอย่างมั่นคง คือไม่ได้มีกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หรือไม่เช่นนั้น ต้องหาหุ้นที่ดำเนินกิจการแบบผูกขาด หรือกึ่งผูกขาด มีความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ อย่างกลุ่มสื่อสาร โรงพยาบาล หุ้นกลุ่มนี้ต่อให้ตลาดลงแรงๆ ก็จะมีแรงซื้อเข้ามาเสมอ หรือหุ้นที่ Downside Risk ต่ำๆ เช่น P/E ต่ำกว่า 10 เท่า ปันผลสูงกว่า 6% P/BV ต่ำกว่า 1 ฯลฯ หุ้นแบบนี้เราสามารถซื้อแบบ DCA ได้ แม้ราคาอาจจะไม่ขึ้น แต่ก็ความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าธุรกิจเขาดีขึ้น ราคาหุ้นก็อาจจะขึ้นก็ได้
       
       สิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นเทรดเดอร์ ควรจะฝึกตัวเองให้สามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาด ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยมีโปรดักต์ที่สามารถเทรดได้ทั้งขาขึ้น และขาลงอยู่ อยากให้ไปศึกษาดู จะช่วยให้เราสามารถเทรดได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่รอเฉพาะหุ้นขึ้นถึงมีกำไร
       
       นายปุณยวีร์ จันทรขจร กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด มองตลาดหุ้นปีหน้าด้วยปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค คาดว่า จะมีความผันผวนสูงจากสองปัจจัย คือ นโยบายของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับความวุ่นวายทางการเมืองในกลุ่มประเทศยุโรป ประเด็นเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากอียู (สหภาพยุโรป) รวมถึงข้อตกลงเรื่องปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC ที่น่าจะมีผลต่อเนื่องมาถึงปี 2017
       


       “เราจะเห็นได้ว่า ปี 2016 ถือเป็นปีแห่งจุดเริ่มต้นหรือเป็น Big Reversal Point ในหลายๆ ตลาด ไม่ว่าจะเป็นการที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐทะลุระดับ 100 ในรอบ 13 ปี ค่าเงินเยนที่ผันผวนขึ้นลงเป็นวงกว้างถึง 15 เยนในปีเดียว ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงปี 2017-2018 แน่นอน”
       
       ทิศทางฟันด์โฟลว์ในปี 2560 มองว่า ยุคกระทิงของตราสารหนี้ได้จบไปแล้ว ตลาดที่เม็ดเงินขนาดมหาศาลจะสามารถไหลเข้าได้ คือ ตลาดหุ้น และตลาดสินค้า Commodity ถือว่ามีความน่าสนใจทั้งคู่
       
       โดยสรุปแล้ว ความผันผวนที่เกิดขึ้นมีไม่แพ้ปี 2559 เทรดเดอร์รายย่อยที่เน้นสินค้าที่มี Leverage ทั้ง Block Trade ใน Single Stock Future และ Derivatives Warrant น่าจะทำให้มีรอบในการเล่นที่ใหญ่ และสนุกขึ้น
       
       นางสาวกนิษฐา รอดดำ กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด มองภาพ SET Index ปี 2560 โดยใช้ทฤษฎีคลื่น (Elliot Wave) ตลาดหุ้นไทยถือว่าอยู่ในช่วง Sideway ของ Wave 4 ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,450-1,600 จุด หาก SET Index สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในปี 2560 จะเป็นการเข้าสู่ Wave 5 ทำให้หุ้นไทยสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,650 1,750 หรือ 1,900 จุด (เป็นเพียงความน่าจะเป็นตามทฤษฎี)
       
       อย่างไรก็ตาม การขึ้นของ SET Index ในปีหน้าจะเป็นการขึ้นเพื่อจบรอบตลาดขาขึ้น และเข้าสู่จุดเริ่มต้นของขาลงเต็มตัว ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่ว่าทุก 10 ปี จะต้องมีวิกฤตเกิดขึ้นเพื่อปรับสมดุลโดยธรรมชาติ
       
       “อยากให้เทรดเดอร์ระวังการลงทุนในปีหน้า โดยให้ตั้งจุด Take Profit และ Stop Loss ชัดเจน และมองหาโปรดักต์ที่สามารถเทรดได้ในภาวะที่ตลาดเป็นขาลง”
       
       ขณะที่มุมมองด้านตลาดตราสารอนุพันธ์ในปีหน้า นายจุติ เสนางคนิกร กรรมการบริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลในอดีต ดัชนี SET และ SET50 มักจะเกิดการกลับตัวของราคาในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม แต่ในปี 2559 ราคาได้เกิดการกลับตัวไปแล้วในช่วงเดือนตุลาคม และจากข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของราคาในเดือนธันวาคม ตั้งแต่ปี 1975-2015 มีค่าเฉลี่ย +2.44% ต่อเนื่องไปถึงเดือนมกราคม มีค่าเฉลี่ย +2.38% ดังนั้น โอกาสที่ตลาดหุ้นปีหน้ามีแนวโน้มเหมือนกับข้อมูลในอดีตถือว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากเช่นกัน
       
       “กรอบราคาในตลาด SET50 ได้ผ่านแนวต้านของปีที่แล้วที่ 875 จุด เมื่อขึ้นไปแล้วมีการย่อตัวทดสอบที่ราคาดังกล่าวพอสมควร กลายป็นแนวรับสำคัญ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จนถึงสิ้นปี 2559 ก็จะมีแนวต้านของตลาด SET50 อยู่ที่ 970 จุด หากไปถึงระดับราคานั้ได้ ตลาดก็จะยอมรับกรอบราคาขาขึ้น เตรียมที่ยกกรอบของราคาขึ้นไปยังระดับที่สูงขึ้นต่อไป”
       


knowledge_trader