ห้องเม่าปีกเหล็ก

EIC คาดโอกาสกนง.ลดดอกเบี้ย

โดย dave
เผยแพร่ :
66 views

EIC คาดโอกาสกนง.ลดดอกเบี้ย จับตาผลกระทบศก.โลกชะลอ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2019 ลงเล็กน้อยจากเดิม 3.3% เหลือ 3.2% โดยยังมีปัจจัยความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกอีกค่อนข้างมาก ได้แก่ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีสหรัฐฯ-จีน บทสรุป Brexit และความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์
  • IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2019 เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (DM) นำโดยสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรจากเศรษฐกิจไตรมาสแรกเติบโตดีกว่าคาด

 

  • แต่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ (EM) ในปี 2019 ลงแต่คาดว่ามาตรการกระตุ้นทั้งนโยบายการเงินและการคลังจากภาครัฐจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจจีนให้เติบโตที่ราว 6.2% และ 6% ในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ

 

  • IMF ชี้นโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายมีความจำเป็นในการช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงที่ความเสี่ยงต่อการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น

 

เศรษฐกิจโลกในภาคการผลิตยังมีแนวโน้มชะลอลง ในขณะที่ ภาคบริการยังขยายตัวได้และมีส่วนช่วยพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากความไม่แน่นอนจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ กระทบความเชื่อมั่นในภาคการผลิตโลก สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตชะลอตัวลงตั้งแต่ต้นปี 2018 หลังการเริ่มต้นมาตรการกีดกันการค้า และดัชนี PMI ย่อยในหมวดคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกก็ชะลอลงเช่นเดียวกัน เนื่องจากความต้องการสินค้าเพื่อการลงทุนและสินค้าคงทนชะลอตัวลง

ขณะที่ ภาคบริการยังอยู่ในเกณฑ์ขยายตัวได้สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคบริการที่อยู่เหนือเกณฑ์ขยายตัวที่ 50 ทำให้ตลาดแรงงานในเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่ยังคงแข็งแกร่ง และมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้

ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกในหลายด้านยังเป็นความท้าทายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 และในปี 2020

ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยียังเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อห่วงโซ่การผลิตและการเติบโตเศรษฐกิจโลก มาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2018 มีผลกระทบต่อการค้าและภาคอุตสาหกรรมการผลิตโลกในวงกว้าง  แม้ว่าสหรัฐฯ และจีนได้กลับมาเริ่มต้นการเจรจาการค้าใหม่อีกครั้งหลังการประชุม G20 นอกรอบในปลายเดือนมิถุนายน และสหรัฐฯ ประกาศไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในมูลค่าที่เหลืออีกราว 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ความเสี่ยงของ No-deal Brexit เริ่มสูงขึ้นหลังจากนายบอริส จอห์นสันขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปอย่างชัดเจนและความไม่แน่นอนการเจรจาในระยะต่อไปยังคงสูง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายบอริส จอห์นสันได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษแทนนางเทเรซา เมย์ ที่ประกาศลาออกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยจุดยืนของนายจอห์นสันนั้นเปิดรับการออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (No-deal Brexit) มากกว่านายกรัฐมนตรีคนก่อน ซึ่งคาดว่าหลังการเข้าดำรงตำแหน่งนายจอห์นสันจะเดินหน้าเจรจาแก้ไขข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ เคยเจรจาไว้ก่อนหน้ากับสหภาพยุโรปเป็นลำดับแรก

มุมมองของอีไอซีต่อเศรษฐกิจไทยสอดคล้องกับประมาณการใหม่ของ IMF โดยเฉพาะภาคการส่งออกและท่องเที่ยวที่ชะลอลงจากการหดตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ

อีไอซีปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 2019 ใหม่ที่ระดับ 3.1% และอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยปี 2019 ในรูปดอลลาร์สหรัฐหดตัว 1.6% สะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยและหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปริมาณการค้าโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวลดลงในปี 2019 จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ DM ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของไทยและผลกระทบจากสงครามการค้าซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านหลายช่องทางทั้ง การค้า การท่องเที่ยว การลงทุน

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยจะยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในจากการใช้จ่ายทั้งการลงทุนในประเทศที่คาดว่าจะกลับมาทยอยฟื้นตัวหลังการสานต่อนโยบายของภาครัฐ และการบริโภคภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของรายได้และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

แม้เศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงและความผันผวนจากปัจจัยภายนอกประเทศยังคงมีสูง แต่เสถียรภาพภาคต่างประเทศของไทยยังคงแข็งแกร่ง

อีไอซีคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% ในปี 2019

อย่างไรก็ตาม หากการส่งออกไทยหดตัวมากกว่าคาดและทำให้ GDP โตต่ำกว่า 3% อีไอซีเริ่มเห็นความเป็นไปได้มากขึ้นที่กนง. อาจลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.5% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

 

 ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave