การเมืองไม่แน่นอน ฉุดความเชื่อมั่นธุรกิจไทยหลายภาคส่วน
การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองภายใต้รัฐบาลใหม่ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปและเตรียมเลือกตั้งใหม่ กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่และนโยบายเศรษฐกิจระยะยาวที่เคยเป็นหัวใจของรัฐบาลชุดก่อนหน้า
บล.ดาโอชี้ว่า ความไม่แน่นอนนี้อาจนำไปสู่การชะลอ ทบทวน หรือยกเลิกโครงการสำคัญ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป

1. โครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง: เสี่ยงสะดุดกลางทาง
โครงการเมกะโปรเจกต์ เช่น แลนด์บริดจ์มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท, รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน, สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 3 และระบบขนส่งมวลชน MRT อาจเผชิญกับความล่าช้า งบประมาณบานปลาย หรือถูกทบทวนใหม่ หากรัฐบาลเดินหน้าสู่การยุบสภาและเลือกตั้ง
หุ้นที่เกี่ยวข้อง: CK, STEC, SCC, SCCC, TASCO, BBL
2. พลังงานและสาธารณูปโภค: ความต่อเนื่องคือหัวใจ
นโยบาย EV Incentive 2.0, Solar Rooftop, Smart Grid และการเจรจาแหล่งพลังงานใหม่กับกัมพูชา ล้วนต้องการความต่อเนื่องและการลงทุนระยะยาว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานและแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าสะอาด
หุ้นที่เกี่ยวข้อง: GULF, GPSC, BGRIM, EA, SPCG, RATCH, PTT, PTTEP, BANPU, BCP, ESSO, NEX, BYD (JV), DELTA, KCE
3. นิคมอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี: FDI อาจชะลอ
เป้าหมายการดึงดูด FDI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ชิปและศูนย์ข้อมูล อาจสะดุดจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลต่อแผนการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ
หุ้นที่เกี่ยวข้อง: WHA, AMATA, ROJNA, PIN
4. การเงินและสินเชื่อ: ความต่อเนื่องของนโยบายคือกุญแจ
นโยบาย Soft Loan สำหรับ SME, การปรับโครงสร้างหนี้ และโครงการ Digital Wallet หากขาดความต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน
หุ้นที่เกี่ยวข้อง: BBL, KBANK, SCB, MTC, SAWAD, TIDLOR, BAM
THANI: กำไรโต QoQ แม้พอร์ตสินเชื่อหดตัว
บริษัท THANI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.84% QoQ และ 9.4% YoY จากการบริหารรถยึดอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าเผื่อขาดทุนจากการขายรถยึดลงอย่างชัดเจน
แม้กำไรครึ่งปีแรกอยู่ที่ 532 ล้านบาท ลดลง 11% YoY จากพอร์ตสินเชื่อที่เล็กลงและการตั้งสำรองที่เข้มงวด แต่บริษัทยังคงรักษาคุณภาพสินเชื่อได้ดี โดยลดจำนวนรถยึดจาก 1,000 คัน เหลือเพียง 300 คัน ผ่านการขายแบบเร่งด่วน
สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อ: รถบรรทุกใหม่ 43%, มือสอง 26%, High-End 24% ตัวชี้วัดเด่น: ROE 8%, ROA 2.25%, NPM 27%, NPLs 2.54%, Coverage Ratio 139%
บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาขยายพอร์ต หากเศรษฐกิจฟื้นตัวและความเชื่อมั่นผู้ประกอบการดีขึ้น โดยมีแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2568 แตะระดับ 1,000 ล้านบาท จากการลดต้นทุนเงินทุนและค่าใช้จ่ายสำรอง
ภาพรวมเศรษฐกิจไทย: ส่งออกยังโต แต่แรงส่งเริ่มอ่อน
ข้อมูลจากหลักทรัพย์บัวหลวงระบุว่า มูลค่าส่งออกไทยเดือน ก.ค. อยู่ที่ 28,580.7 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 11.0% YoY โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า (+54.9%), ส่วนประกอบรถยนต์ (+19.6%) และยางล้อรถยนต์ (+8.1%) ยังเติบโตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมรายเดือน (MoM) เริ่มชะลอลงในหลายกลุ่ม เช่น คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ (-14.0%) และ HDDs (-36.7%) สะท้อนแรงส่งที่อ่อนลงจากการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนมาตรการภาษี Reciprocal Tariff ที่มีผล 7 ส.ค. 68
ฝ่ายวิจัยเตือนว่าไทยยังเผชิญความเสี่ยงจากต้นทุนภาษีนำเข้าสูงถึง 19% เทียบกับคู่แข่งอย่างจีนและมาเลเซีย ซึ่งอาจกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยในระยะถัดไป
ฝากไว้ให้คิด....
ทุกสิ่งเปลี่ยนไป ทีละคน ทีละเหตุการณ์ เหมือนดอกไม้ที่ผลิบาน แล้วโรยราไปตามฤดูกาล
ถึงเวลาก็ต้องแยกจากกัน ไม่ว่าจะเป็นการจากเป็นหรือจากตาย
สมุดบันทึกของเรา...จะค่อย ๆ ปิดไปทีละหน้า
ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีความหมาย เพราะอีกไม่กี่ปี... จุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้ อาจไม่มีใครจำได้อีกแล้ว
#โจ๊กเกอร์
