ห้องเม่าปีกเหล็ก

โจ๊กเกอร์โผล่หัวคุย

โดย โจ๊กเกอร์
เผยแพร่ :
151 views

 การเมืองไม่แน่นอน ฉุดความเชื่อมั่นธุรกิจไทยหลายภาคส่วน

การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองภายใต้รัฐบาลใหม่ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปและเตรียมเลือกตั้งใหม่ กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่และนโยบายเศรษฐกิจระยะยาวที่เคยเป็นหัวใจของรัฐบาลชุดก่อนหน้า

 

บล.ดาโอชี้ว่า ความไม่แน่นอนนี้อาจนำไปสู่การชะลอ ทบทวน หรือยกเลิกโครงการสำคัญ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป

 

 

 1. โครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง: เสี่ยงสะดุดกลางทาง

โครงการเมกะโปรเจกต์ เช่น แลนด์บริดจ์มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท, รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน, สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 3 และระบบขนส่งมวลชน MRT อาจเผชิญกับความล่าช้า งบประมาณบานปลาย หรือถูกทบทวนใหม่ หากรัฐบาลเดินหน้าสู่การยุบสภาและเลือกตั้ง

หุ้นที่เกี่ยวข้อง: CK, STEC, SCC, SCCC, TASCO, BBL

 

 2. พลังงานและสาธารณูปโภค: ความต่อเนื่องคือหัวใจ

นโยบาย EV Incentive 2.0, Solar Rooftop, Smart Grid และการเจรจาแหล่งพลังงานใหม่กับกัมพูชา ล้วนต้องการความต่อเนื่องและการลงทุนระยะยาว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานและแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าสะอาด

หุ้นที่เกี่ยวข้อง: GULF, GPSC, BGRIM, EA, SPCG, RATCH, PTT, PTTEP, BANPU, BCP, ESSO, NEX, BYD (JV), DELTA, KCE

 

 3. นิคมอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี: FDI อาจชะลอ

เป้าหมายการดึงดูด FDI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ชิปและศูนย์ข้อมูล อาจสะดุดจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลต่อแผนการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ

หุ้นที่เกี่ยวข้อง: WHA, AMATA, ROJNA, PIN

 

 4. การเงินและสินเชื่อ: ความต่อเนื่องของนโยบายคือกุญแจ

นโยบาย Soft Loan สำหรับ SME, การปรับโครงสร้างหนี้ และโครงการ Digital Wallet หากขาดความต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน

หุ้นที่เกี่ยวข้อง: BBL, KBANK, SCB, MTC, SAWAD, TIDLOR, BAM

 

 THANI: กำไรโต QoQ แม้พอร์ตสินเชื่อหดตัว

บริษัท THANI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.84% QoQ และ 9.4% YoY จากการบริหารรถยึดอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าเผื่อขาดทุนจากการขายรถยึดลงอย่างชัดเจน

แม้กำไรครึ่งปีแรกอยู่ที่ 532 ล้านบาท ลดลง 11% YoY จากพอร์ตสินเชื่อที่เล็กลงและการตั้งสำรองที่เข้มงวด แต่บริษัทยังคงรักษาคุณภาพสินเชื่อได้ดี โดยลดจำนวนรถยึดจาก 1,000 คัน เหลือเพียง 300 คัน ผ่านการขายแบบเร่งด่วน

สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อ: รถบรรทุกใหม่ 43%, มือสอง 26%, High-End 24% ตัวชี้วัดเด่น: ROE 8%, ROA 2.25%, NPM 27%, NPLs 2.54%, Coverage Ratio 139%

บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาขยายพอร์ต หากเศรษฐกิจฟื้นตัวและความเชื่อมั่นผู้ประกอบการดีขึ้น โดยมีแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2568 แตะระดับ 1,000 ล้านบาท จากการลดต้นทุนเงินทุนและค่าใช้จ่ายสำรอง

 

 ภาพรวมเศรษฐกิจไทย: ส่งออกยังโต แต่แรงส่งเริ่มอ่อน

ข้อมูลจากหลักทรัพย์บัวหลวงระบุว่า มูลค่าส่งออกไทยเดือน ก.ค. อยู่ที่ 28,580.7 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 11.0% YoY โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า (+54.9%), ส่วนประกอบรถยนต์ (+19.6%) และยางล้อรถยนต์ (+8.1%) ยังเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมรายเดือน (MoM) เริ่มชะลอลงในหลายกลุ่ม เช่น คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ (-14.0%) และ HDDs (-36.7%) สะท้อนแรงส่งที่อ่อนลงจากการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนมาตรการภาษี Reciprocal Tariff ที่มีผล 7 ส.ค. 68

ฝ่ายวิจัยเตือนว่าไทยยังเผชิญความเสี่ยงจากต้นทุนภาษีนำเข้าสูงถึง 19% เทียบกับคู่แข่งอย่างจีนและมาเลเซีย ซึ่งอาจกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยในระยะถัดไป


ฝากไว้ให้คิด....
ทุกสิ่งเปลี่ยนไป ทีละคน ทีละเหตุการณ์ เหมือนดอกไม้ที่ผลิบาน แล้วโรยราไปตามฤดูกาล
ถึงเวลาก็ต้องแยกจากกัน ไม่ว่าจะเป็นการจากเป็นหรือจากตาย
สมุดบันทึกของเรา...จะค่อย ๆ ปิดไปทีละหน้า

ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีความหมาย เพราะอีกไม่กี่ปี... จุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้ อาจไม่มีใครจำได้อีกแล้ว

 

 

                                                                                                                                                          #โจ๊กเกอร์


โจ๊กเกอร์